เชียงใหม่ อาสากู้ภัยสุดซวยกำลังช่วยเหลือคนเจ็บ ถูกเก๋งซิ่งชนท้ายรถกู้ภัยโดดหลบแทบไม่ทัน

เชียงใหม่ หนุ่มอาสากู้ภัยสุดซวย เผยเหตุการณ์ขณะเข้าช่วยเหลือคนเจ็บ แต่กลับต้องมาเจอเหตุไม่คาดฝันเอง ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่มีรถยนต์เก๋งขับฝ่าความมืดมาด้วยความเร็วเกิดไม่ทันเห็นรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยจอดริมทาง เบรคกระทันหัน รถเสียหลักพุ่งชนท้ายรถตู้อาสากู้ภัย เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่พากันโดดหลบลงร่องน้ำข้างทางได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย แถมทรัพย์สินเสียหาย ขณะที่คนขับบาดเจ็บเล็กน้อย พากันส่งโรงพยาบาล วอนประชาชนเห็นใจการปฏิบัติงานของกู้ภัย ที่ต้องเสี่ยงชีวิต สร้างความตระหนักในเรื่องของความปลอดภัย

อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 โดยทาง ร.ต.อ.วิเชียร ปากกล้า รอง สว.สอบสวน สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ บริเวณถนนสายเรียบรางรถไฟ ใกล้กับโรงเรียนมงฟอร์ด สายเชียงใหม่-ลำพูน นอกจากนี้ยัลทราบอีกว่าเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน โดยมีรถยนต์เก๋ง พุ่งชนรถตู้ของเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือคนเจ็บในที่เกิดเหตุ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม

ภายหลังทราบเรื่องจึงได้รุดเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่สายตรวจของสถานี ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางไปถึง พบรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ ซีเดีย สีบรอน หมายเลขทะเบียน ขธ 1154 เชียงใหม่ จอดอยู่ริมทางสภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย คนขับรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ศีรษะ ขณะเดียวกันด้านหน้ารถคันดังกล่าวพบรถตู้ของทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ สภาพท้ายรถถูกชนได้รับความเสียหาย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการบันทึกข้อมูลในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบทางคู่กรณีครั้งนี้ทราบว่า คนขับรถเก๋งมิตซูบิชิ ซีเดีย เป็นเจ้าหน้าที่ทหารของมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ โดยที่เกิดเหตุดังกล่าวพบรอยเบรครถเป็นทางยาวกว่า 6 เมตร ก่อนที่จะถึงจุดที่รถได้พุ่งชนเข้ากับท้ายรถกู้ภัย ซึ่งคาดว่าคนขับน่าจะขับมาด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งมาถึงยังบริเวณที่เกิดเหตุแต่ไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหน้ากำลังมีเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยกำลังปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอยู่ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่าง จึงทำให้คนขับมองไม่เห็น จนเกิดขับพุ่งชนทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายดังกล่าว แต่โชคยังดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ถูกชนอย่างจัง และไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

โดยทาง นายทิวลิป มหาวงค์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยและนายกสมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถจักรยานยนต์ เหตุเกิดบริเวณถนนสายเรียบรางรถไฟ ใกล้กับโรงเรียนมงฟอร์ด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก็ได้เร่งเดินทางไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้นำผู้ประสบภัยส่งโรงพยาบาล ส่วนรถจักรยานยนต์ผู้ได้รับบาดเจ็บ ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่สายตรวจจึงได้ขอให้รถกู้ภัยอีกหนึ่งคัน ช่วยเปิดสัญญาณไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

 

เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวค่อนข้างมืด และไม่มีไฟส่องสว่าง แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยได้มีรถยนต์คันหนึ่งขับขี่มาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้ามาหาที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เบรครถอย่างรุนแรง แต่แล้วรถยนต์คันดังกล่าวกลับเสียการควบคุม และพุ่งชนเข้ากับท้ายรถกู้ภัยของเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังเปิดสัญญาณไฟเพื่อป้องกันจุดเกิดเหตุอย่างจัง ซึ่งทางเจ้าหน้าท่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพากันพุ่งกระโดดหลบหนีลงไปในร่องน้ำข้างทาง

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลทำให้คนขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ได้มีเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยของสมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่รายอื่นโชคยังดีที่กระโดดหลบหนีลงร่องน้ำข้างทางได้ทัน แต่ต่างคน ต่างก็เปียกปอนไปตามๆ กัน ส่วนรถและอุปกรณ์ทางการแพทย์พังเสียหายึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ สะท้อนถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่นอกจากจะเหนื่อยแล้วยัง เสี่ยง ต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนอีก ทั้งหมดนี้คือ ชีวิตจริง ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงอาสากู้ภัยในแต่ละวัน

โดยบางเรื่องอาจปรากฏผ่านสื่อแต่อีกหลายเรื่องก็ไม่ค่อยมีใครได้รับรู้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันที่จะสร้างความตระหนักในเรื่องของความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน นอกจากนี้ก็อยากฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนน หากเห็นเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานก็อยากให้ช่วยอำนวยความสะดวก ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนี้เบื้องต้นทางเจ้าตัวคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการพักรักษาตัว จากนั้นจะได้ทำการนัดหมายพูดคุยเพื่อดำเนินการรับผิดชอบค่าเสียหายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น