สาระน่ารู้… โรคทอนซิลอักเสบ

ทอนซิลอักเสบ เป็นภาวะอักเสบของต่อมทอนซิล ส่วนคออักเสบ (Phayngitis) หมายถึงภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอที่อยู่บริเวณหลังช่องปากเข้าไป บางครั้งภาวะทั้งสองอาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้ บางครั้งอาจเกิดเพียงทอนซิลอักเสบหรือคออักเสบอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปเมื่อพูดว่าต่อมทอลซิลอักเสบ จะหมายความถึงการอักเสบของต่อมทอลซิลซึ่งโดยมากเป็นทั้งสองข้างและมักมีอาการของหลอดคอหอยร่วมด้วย
สาเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบ
เมื่อร่างกายติดเชื้อจากผู้อื่นทำให้เชื้อในคอมีปริมาณมาก ต่อมทอนซิลซึ่งมีหน้าที่กรองเชื้อจะบวมแดง โตและเจ็บเกิดภาวะที่เรียกว่าต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) สาเหตุขึ้นกับอายุ เด็กโตหรือผู้ใหญ่จะเกิดจากเชื้อที่เรียกว่า Streptococcus ส่วนเด็กมักจะเกิดจากเชื้อไวรัส
อาการของต่อมทอนซิลอักเสบ
1. มีอาการเจ็บคอ อาการเจ็บคอจะเจ็บมากบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง โดยมากจะเจ็บมากกว่า 48 ชั่วโมง
2. กลืนอาหารลำบากโดยเฉพาะ เวลากลืนอาหารจะเจ็บมาก สำหรับเด็กจะมีอาการนํ้าลายไหลเนื่องจากกลืนลำบาก
3. มีอาการไข้ หนาวสั่น ไข้จะสูงหรือไข้ต่ำๆขึ้นอยู่กับสภาพผู้ป่วย เชื้อที่เป็นสาเหตุหากเป็นเชื้แบคทีเรียจะมีไข้สูง
4. หากต่อมอักเสบเฉียบพลันจะมีไข้สูง หากต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังไข้จะตํ่าๆ
5. คัดจมูก มีนํ้ามูกแต่ไม่มาก นํ้ามูกมักใส
6. ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
7. ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเจ็บหูเพราะการอักเสบของต่อมทอนซิลอาจจะส่งผลถึงการอักเสบของหู
8. อาจจะมีอาการอาเจียนหลังรับประทานอาหาร
9. อาจมีต่อมนํ้าเหลืองด้านหน้าลำคอส่วนบน โตทั้งสองข้าง
10. มีกลิ่นปาก
11. มีจุดหนองที่ต่อมทอนซิลและต่อมนํ้าเหลืองโตกดเจ็บ
การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบ
ถ้าอาการอักเสบไม่มาก เจ็บคอเล็กน้อย ไม่มีไข้ ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยา โดยให้พักผ่อนมากขึ้น ดื่มนํ้า รับประทานอาหารให้เพียงพอ ถ้าร่างกายสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ภายใน 2-3 วัน อาการจะดีขึ้น แต่ถ้ามีอาการมาก ควรมาพบแพทย์ หากตรวจพบอาการอักเสบค่อนข้างรุนแรง มักจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาอื่นๆ ซึ่งอาการมักจะดีขึ้นในช่วง 3-7วัน
การรักษาโดยการผ่าตัด
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดโดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาตัดต่อมทอนซิลก็ต่อเมื่อ เป็นภาวะต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือเกิดการอักเสบปีละหลายครั้ง หลายปีติดต่อกันทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง เช่นต้องขาดงาน หรือขาดเรียนบ่อย หรือเมื่อต่อมทอนซิลโตมากๆทำให้เกิดอาการนอนกรน และ/หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อีกทั้งในกรณีที่ผู้ป่วยมีต่อมทอนซิลโต และแพทย์สงสัยว่า อาจเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิลโดยตรง หรือมีมะเร็งที่ต่อมนํ้าเหลืองบริเวณคอแล้วหาตำแหน่งมะเร็งต้นเหตุไม่เจอ แต่แพทย์สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งที่มาจากต่อมทอนซิล
ฉะนั้นในการป้องกันโรคต่อมทอนซิลไม่ให้ลุกลามไปมากควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษา และวินิจฉัยเพิ่มเติมเมื่อมีอาการไม่ดีขึ้น เช่นมีอาการมากกว่า 4 วันโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย และในการป้องกันตัวเองจากโรคนี้ควรที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และเมื่อมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นทอนซิลอักเสบ(หรือมีไข้ เจ็บคอ) ควรพยายามอย่าอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยและระวังอย่าให้ผู้ป่วยไอหรือจามรด อย่าใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย และหมั่นล้างมือเพื่อชะล้างเชื้อที่อาจติดมากับมือที่ไปสัมผัสถูกสิ่งของที่แปดเปื้อนของผู้ป่วย

…..รพ.แมคคอร์มิค / ข้อมูล…..

ร่วมแสดงความคิดเห็น