สาระน่ารู้… โรคเหน็บชา

โรคเหน็บชา (Beriberi) คือโรคที่ขาดวิตามินบี 1 เป็นโรคที่พบได้บ่อยในท้องที่ชนบทบางแห่ง โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ภาคอีสาน เป็นกลุ่มอาการที่มีสาเหตุหลักมาจากการขาดวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เองต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม โดยผู้ป่วยจะมีอาการทางคลินิกหลายแบบขึ้นอยู่กับอายุและอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ
ผลกระทบจากการขาดวิตามินบีหนึ่ง
วิตามินบีหนึ่ง ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เกิดเป็นกำลังงาน ทำให้สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ ช่วยในการสังเคราะห์สารเคมี ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกรดนิวคลีอิกและกรดไขมัน และมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท เมื่อร่างกายขาดวิตามินบีหนึ่ง จะทำให้การทำงานของระบบเส้นประสาทแปรปรวนไปจากปกติ และถ้ารุนแรงมากขึ้น จะมีอาการแสดงของโรคเหน็บชา ซึ่งแตกต่างกันได้ตามอายุของผู้ป่วย แบ่งออกได้เป็นโรคเหน็บชาในเด็กและโรคเหน็บชาในผู้ใหญ่
โรคเหน็บชาในเด็กเล็ก ช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ 2-6 เดือน มักเป็นเด็กที่กินนมแม่ และแม่ขาดวิตามินบีหนึ่งเด็กอาจ มีอาการเด่นทางหัวใจ คือหอบ เหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว และเขียว ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะถึงแก่กรรมได้ภายใน2-3ชั่วโมง เด็กอาจมีอาการเด่นทางระบบประสาทคือ เสียงแหบ เวลาร้องไห้ไม่มีเสียง อาจมีหนังตาบนตก กลอกลูกตาไปมา มือเท้าเคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจ
โรคเหน็บชาในผู้ใหญ่ เด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเหน็บชา จะมีอาการชาที่ปลายมือ และปลายเท้า และเป็นเหมือนกันทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อของแขนและขาไม่มีกำลังผู้ป่วยบางรายนอกจากมีอาการชาแล้ว ยังมีอาการบวมร่วมด้วย ถ้าเป็นมากจะมีหัวใจโตและเต้นเร็ว หอบเหนื่อย และถึงแก่กรรมได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
สาเหตุของโรคเหน็บชา โรคเหน็บชามักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1ไม่พียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่ชาวไทยกินข้าวที่ขัดสีแล้ว เป็นอาหารหลัก ข้าวที่ขัดสีมีวิตามินบีหนึ่งอยู่น้อย อีกทั้งการซาวข้าวและการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ จะทำให้สูญเสียวิตามินบีหนึ่งไปอีก อาหารที่มีวิตามินบีหนึ่งมาก คือเนื้อสัตว์และถั่วเมล็ดแห้งก็มักรับประทานกันน้อย นอกจากนี้ ถ้ากินสารทำลายวิตามินบีหนึ่งเป็นประจำ ยิ่งซ้ำเติมให้เป็นโรคเหน็บชาได้ไวขึ้นสารทำลายวิตามินบีหนึ่งนี้แบ่งได้เป็น 2 พวก คือพวกที่ไม่ทนต่อความร้อน ได้แก่ เอนไซม์ไธอะมิเนส ซึ่งมีอยู่ในปลาน้ำจืด หอยลายและปลาร้าส่วนอีกพวกหนึ่ง เป็นสารที่ทนต่อความร้อน พบได้ทั้งในปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็มหลายชนิด ใบชา ใบเมี่ยง หมาก และผักบางชนิด
เด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ใช้กำลังงานมาก เช่นนักกีฬา กรรมกร ชาวนา ภาวะที่เกิดโรคติดเชื้อ ภาวะที่มีไข้สูง โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ล้วนมีความต้องการวิตามินบีหนึ่งมากขึ้น จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหน็บชาได้ง่ายนอกจากนี้ ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำจะขาดวิตามินบีหนึ่ง ได้ง่ายเช่นกัน
การป้องกันรักษา 1.บริโภคอาหารที่มีวิตามินบีหนึ่ง สูงเพื่อทดแทนวิตามินบีหนึ่งที่ขาดไปในข้าวที่ขัดจนขาว อาหารที่มีวิตามินบีหนึ่งสูง ได้แก่ ยีสต์ น้ำมันตับปลา เนื้อหมู เนื้อปลา และพวกถั่วต่างๆ 2.หญิงมีครรภ์และให้นมบุตร ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีหนึ่งให้มากขึ้น มารดาที่ขาดวิตามินบีหนึ่ง เมื่อให้นมบุตรจะทำให้บุตรเกิดโรคเหน็บชาได้ 3.ผู้ที่ดื่มสุรามาก หรือเป็นโรคพิษสุรามักจะไม่ค่อยรับประทานอาหาร ทำให้มีโอกาสขาดวิตามินบีหนึ่งได้ 4.บริโภคข้าวซ้อมมือ ข้าวแดง ข้าวขัดไม่ขัดขาว ข้าวนึ่งแห้งแล้วสี 5.ควรหุงข้าวไม่เช็ดน้ำ หรือนึ่งข้าวกิน 6.ในการรักษาโรคเหน็บชาทุกระยะ นอกจากระยะที่รุนแรง อาจให้สารไทอะมินเป็นเม็ดกิน หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือเข้าเส้นโลหิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
โรคเหน็บชาไม่ใช่โรคที่เกิดจากความอดอยาก หากแต่เกิดเพราะการรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาร้าดิบ เลิกดื่มเหล้า และส่งเสริมให้กินข้าวซ้อมมือ และรัฐควรวางมาตรฐานการสีข้าวของโรงสีต่างๆเพื่อสงวนคุณค่าของวิตามิน บี 1ไว้

…..รพ.แมคคอร์มิค / ข้อมูล…..

ร่วมแสดงความคิดเห็น