โรคซึมเศร้าขึ้นเป็นอันดับ 2 สาเหตุการตายของคนเชียงใหม่

โรคซึมเศร้าขึ้นเป็นอันดับ 2 สาเหตุการตายของคนเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการแถลงข่าวของสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ ที่ออกมาเตือนภัยเงียบโรคซึมเศร้า ที่ครอบครัวต้องระวัง โดย นางศรีเกษ ธัญญาวินิชกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวดังเกิดขึ้นที่มีหญิงสาวรายหนึ่งเกิดภาวะโรคซึมเศร้า และเกิดความเครียด จนกระทั่งได้กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย และมีคลิปออกตามสื่อต่างๆ ซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่เอง ก็น่าเป็นห่วง เพราะอัตราผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็มีสูงเช่นกัน

ทั้งนี้โรคซึมเศร้า เป็นโรคความผิดปกติทางอารมณ์ มีอาการหลักคือ คือ อารมณ์เศร้า ท้อแท้ ซึม หงอยทั้งที่ตัวเองรู้สึกหรือคนอื่นก็สังเกตเห็น เบื่อ ไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่สนุกเพลิดเพลิน หลับยาก หลับๆ ตื่นๆ หรือหลับมากไป ทำอะไรช้าลง หรือหงุดหงิด กระวนกระวาย ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ รู้สึกอ่อนเพลียเหนื่อยใจ ไม่มีแรง รู้สึกตนเองไร้ค่า คิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรืออยากทำร้ายตนเอง หรือมีความทุกข์ทรมานใจอย่างเห็นได้ชัด ตามที่องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่าในปี 2020 โรคซึมเศร้าจะเป็นสาเหตุการสูญเสียปีสุขภาวะสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจหลอดเลือด จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทยถือเป็นปัญหาที่ต้องเฝ้าจับตามอง เป็นเรื่องที่สังคมต้องให้ความสำคัญ เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้หากมีอาการรุนแรงจะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย หรือมีชีวิตคล้ายคนพิการทางสมอง ไม่สามารถทำงานได้

สำหรับสถานการณ์อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ในปี 2560 มีสถิติการฆ่าตัวตายสำเร็จ จำนวน 161 คน เพศชาย 125 คน เพศหญิง 36 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 26-60 ปี สาเหตุของการฆ่าตัวตาย 3 อันดับแรก คือ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มสุรายาเสพติด ผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้ที่ขัดแย้งกับคนใกล้ชิด

“อยากจะขอแนะนำให้ประชาชนควรดูแลตัวเองและคนในครอบครัว สร้างความสัมพันธ์ ความผูกพันในครอบครัว ใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ ผู้สูงอายุ อย่าให้รู้สึกโดดเดี่ยว หรือถูกทอดทิ้ง นอกจากนี้ อาจใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นตัวช่วยสร้างความเข้มแข็งของสายใยครอบครัว เช่น ไลน์กลุ่มครอบครัว ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุเห็นข้อมูลข่าวสารของลูกหลานและข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ด้วย หากพบผู้ที่เสี่ยงโรคซึมเศร้า เน้นหลักปฐมพยาบาลใจ 3 ส. คือ สอดส่องมองหาผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น ร้องไห้ ซึมเศร้า พร้อมใส่ใจรับฟังอารมณ์ความรู้สึก ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว ในรายที่ยังไม่ดีขึ้น เครียดรุนแรง เศร้าซึม หรือมีความคิดเบื่อโลก ให้รีบแจ้ง ส่งต่อ ให้บุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ทันที เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที โดยสามารถรับคำปรึกษาได้ที่ สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง หรือ สายด่วนสุขภาพจิต 1323” นางศรีเกษ กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น