เกษตรวิถีสุขภาพ ประโยชน์จาก “ยอ”

ยอ ในเมืองไทยมี 2 กลุ่ม คือ ยอบ้านและยอป่า พบมากในป่าเบญจพรรณแล้งและป่าแดง ไม้ยอป่าใช้ทำเป็นเครื่องเรือนและเสาบ้านได้ ส่วนเปลือก ราก เนื้อ ไม้ และใบ ใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้ (ให้สีเหลือง) ส่วนยอบ้าน ขึ้นได้ทั่วทุกภาคของประเทศ นอกจากมีประโยชน์ในด้านอาหารและยารักษาโรคแล้วเปลือก ราก เนื้อไม้ และใบของยอบ้าน ยังใช้ทำสีย้อมผ้าได้เช่นกัน ส่วนของต้นยอที่นำมาใช้ประโยชน์ทางยา คือราก ใบสดและผล ซึ่งแต่ละส่วนมีสรรพคุณและรสชาดที่แตกต่างกันเช่น ใบอ่อน มีรสขมเล็กน้อย สรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย ผล มีสรรพคุณ ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาเจียน บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ราก สรรพคุณ เป็นยาระบาย
ยอ นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดเช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี ไนอาซีน และโปรตีน มีรายงานว่าผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง (chronic renal failure) เมื่อกินน้ำลูกยอแล้วมีโพแทสเซียมสูงมากจนเป็นอันตราย จึงไม่แนะนำให้ผู้ป่วยโรคไตรับประทาน นอกจากนี้รากของยอยังเป็นยาแก้ท้องผูกโดยนำรากที่โตขนาดเท่านิ้วชี้ ยาวไม่เกิน 6 นิ้ว สับเป็นชิ้นๆ ใส่น้ำ 2 แก้ว ต้ม 10-15 นาที กิน 1 แก้วก่อนเข้านอน (หากต้องการถ่ายมาก ก็เพิ่มรากยอ) และยังแก้โรคเบื่ออาหาร โดยนำลูกยอแก่มาหั่นบางๆ ใส่ขวดโหล ต้มน้ำเกลือพอเค็ม จากนั้นนำมาใส่ให้ท่วมสูงจากเนื้อยอ 4-5 นิ้ว ดองไว้ 2-3 คืน รินน้ำยากินครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน
น้ำลูกยอเป็นสมุนไพรที่ดีมากเพราะได้นำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถรักษาโรคได้ เป็นเพียงน้ำสมุนไพรธรรมดาๆ ที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่ง หากคิดจะกินควรกินอาหารทุกชนิดที่มีประโยชน์หมุนเวียนกันไปไม่กินอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ นานเกินไป กินให้เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่กินตามแฟชัน กินตามกระแส และนอกจากนั้นควรออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายเราได้รับประโยชน์สูงที่สุด

ทิพย์พา…[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น