มุ่งกระจายกิจกรรมไมซ์เมืองหลัก สู่ภูมิภาคท้องถิ่นในพื้นที่เมืองรอง

ทีเส็บใช้แพลตฟอร์ม การเข้าร่วมงานประชุมท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 37 จัดงาน “ASEAN MICE Conference 2018” เชิญกูรูด้านไมซ์ของไทยและอาเซียนนำเสนอเมืองไมซ์ซิตี้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือและแนวทางการพัฒนาศักยภาพ อุตสาหกรรมไมซ์ของเมืองต่างๆ เปิดเทรนด์ไมซ์เมืองรองในกลุ่มอาเซียน เกิดการกระจายกิจกรรมไมซ์จากเมืองหลัก สู่ภูมิภาคท้องถิ่นในพื้นที่เมืองรอง ตามแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค หวังให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันที่ 24 ม.ค.60 เวลา 09.30 น. นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รอง ผอ.สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ และ น.ส.อะมีเลีย โรซี่แมน ประธานฝ่ายปฏิบัติการ ซาราวัค คอนเวนชั่น บูโร หรือ SCB ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “ASEAN MICE Conference 2018” เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมไมซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ในการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 37 (37th ASEAN Tourism Forum 2018 : ATF 2018) ณ ลานคาบานา ริมสระว่ายน้ำ โรงแรมแชงกรี-ล่า จ.เชียงใหม่

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รอง ผอ.สายงานพัฒนาและนวัตกรรม ทีเส็บ เปิดเผยว่า การทำงานภายใต้ความร่วมมือกับประเทศอาเซียน ถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนทางความรู้ และประสบการณ์ระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค และการประสานงานเชิงนโยบาย ในการส่งเสริมธุรกิจไมซ์ของอาเซียน โดยเฉพาะการยกระดับคุณ ภาพและมาตรฐานในภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลก ให้มาจัดงานไมซ์ในภูมิภาคนี้

รวมทั้งแนวโน้มของการส่งเสริมพื้นที่หรือเดสติเนชั่น เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น นอกจากการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองหลวงของประเทศ ให้รองรับการจัดงานไมซ์แล้วนั้น ยังเน้นการสร้างพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในการรองรับไมซ์ สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้แก่กลุ่มลูกค้า และยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่เมืองอื่นๆ กอปรกับรัฐบาลไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579)

มุ่งเน้นให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการพัฒนาประเทศตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีการกระจายรายได้ไปยังทุกภูมิภาค ทีเส็บจึงได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อน และพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ ให้สอดรับกับเทรนด์ปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทอุตสาหกรรมไมซ์ ที่เน้นการเติบโตอย่างเท่าเทียม ด้วยการพัฒนาระบบส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ภูมิภาค เสริมสร้างศักยภาพของไมซ์ซิตี้ และเมืองรองที่มีศักยภาพ รวมทั้งการพัฒนาแนวคิด Area-Based ที่เพิ่มการทำงานเชิงพื้นที่ ลงลึกระดับภูมิภาค สร้างการทำงานเชิงรุกกับผู้ประกอบการของแต่ละท้องถิ่น ให้มีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมไมซ์ มีส่วนร่วมในงานส่งเสริมกิจกรรมไมซ์ไทยมากขึ้น และวางกลยุทธ์เพื่อผลักดันตลาดไมซ์ในแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะ

นางศุภวรรณ กล่าวต่อว่า โดยการจัดงาน ASEAN MICE Conference 2018 ในช่วงเวลาของการจัดงาน ATF 2018 นั้น จึงเป็นงานที่ทีเส็บริเริ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นแพลตฟอร์มสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับ การขับเคลื่อนเมืองไมซ์ และการสร้างศักยภาพของเมืองรอง ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกประเทศในอาเซียนต่างให้ความสนใจ และเร่งขับเคลื่อนให้เป็นโมเดลในการพัฒนาไมซ์ โดยงานครั้งนี้ จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด ASEAN MICE Cities: Asia’s Power House ที่รวบรวมกูรูด้านไมซ์จากไทยและอาเซียน มาร่วมพูดคุยในหัวข้อที่สำคัญ อาทิ Thailand MICE Cities : Powering Up for the Future แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์เมืองไมซ์ซิตี้ของไทย

อย่าง เชียงใหม่ ขอนแก่น และพัทยา ที่เอื้อประโยชน์ต่อชุมชนเมืองและท้องถิ่น ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และภาพลักษณ์ของเมือง / Destination Success: Collaboration and Partnerships. A case study on Best Cities Global Alliance โดย นายพอล วาลลี กรรมการผู้จัดการ Best Cities Global Alliance ร่วมถ่ายทอดนวัตกรรมการพัฒนาศักยภาพของเมืองต่างๆ ให้สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นเมืองจุดหมายปลายทางด้านไมซ์ / Developing Future MICE Destinations: Standards, Co-created Spaces, and Local Aspirations

โดย ดร.สุรพิชย์ พรหมสิทธิ์ ผอ.โครงการปริญญาโทบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติการจัดการสากล คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมถ่ายถอดแนวทางการพัฒนาจุดหมายปลายทางแห่งไมซ์ ทั้งด้านการสร้างมาตรฐานในระดับประเทศและระดับสากล การทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการระหว่างชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อให้เกิดกิจกรรมไมซ์ในรูปแบบใหม่ๆ และผู้แทนจากเมืองซาราวัค ประเทศมาเลเซีย เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และเมืองเคียงจู สาธารณรัฐเกาหลี มาร่วมเสวนาในหัวข้อ MICE Cities: Seeing Opportunities, Not Challenges ถ่ายทอดมุมมองของการเป็นเมืองรอง ที่ผันทรัพยากรของเมืองให้กลายเป็นเครื่องมือ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ และสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้กับเมืองของตน

นางศุภวรรณ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า และในวันเดียวกันช่วงเย็น ยังจัดให้มีพิธีมอบรางวัล ASEAN MICE Venue Standard ภายในงาน ASEAN Tourism Awards & Closing Ceremony ให้กับผู้ประกอบการไมซ์ทั้ง 10 ประเทศอาเซียน ที่ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์อาเซียน นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งที่ทีเส็บได้ผลักดันให้มาตรฐานสถานที่การจัดงานไมซ์ของไทย เข้าสู่การสร้างมาตรฐานสถานที่จัดงานระดับอาเซียน และมีผู้ประกอบการไมซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ผ่านมาตรฐาน และได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานสถานที่จัดงานของอาเซียนจากประเทศบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย โดยแต่ละประเทศจะรับมอบตราสัญลักษณ์ดังกล่าว กับ รมว.การกระทรวงท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ

รอง ผอ.สายงานพัฒนาและนวัตกรรมทีเส็บ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ นอกจากงาน ASEAN MICE Conference 2018 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 24 ม.ค. 2561 แล้วนั้น ในช่วงสัปดาห์ของการจัดงาน ATF 2018 ณ จ.เชียงใหม่ ทีเส็บยังได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ จ.ขอนแก่น ในการประกาศให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุม PATA Destination Marketing Forum 2018 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28-30 พ.ย.2561 ณ จ.ขอนแก่น

นับเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยขอนแก่นเป็นหนึ่งในไมซ์ซิตี้ของไทย ที่มีศักยภาพและความพร้อม ในการรองรับการจัดงานประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งการจัดประชุมดังกล่าว จะเป็นเวทีที่มีผู้เข้าร่วมงานทั้งหน่วยงานองค์กร ผู้ประกอบการ บริษัทท่องเที่ยว และการประชุมในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมงานชาวไทย ที่จะเดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น และเมืองรองต่างๆด้วย โดยจะมีงานแถลงข่าวการจัดงานอีกครั้งในวันที่ 26 ม.ค.นี้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ เฉลิมพระ เกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่

ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 (เดือน ก.ย.2559-ต.ค.2560) เกิดการจัดงานไมซ์ใน จ.เชียงใหม่, พัทยา จ.ชลบุรี, จ.ขอนแก่น และ จ.ภูเก็ต จำนวน 4,612 งาน มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าร่วมงาน 692,788 คน ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของจังหวัดเหล่านี้กว่า 63,773.04 ล้านบาท ซึ่งหากเมืองรองหรือจังหวัดต่างๆ มีการพัฒนาศักยภาพและเกิดความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการในทุกภาคส่วนแล้ว จะช่วยพัฒนาเมืองให้มีความพร้อม และมีศักยภาพรองรับการจัดกิจกรรมไมซ์

ซึ่งจะก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก ส่วนจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในภาพรวมนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 36,364,467 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศ 179,601 ล้านบาท แบ่งเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ต่างประเทศ 1,047,959 คน สร้างรายได้ 88,459 ล้านบาท และนักเดินทางกลุ่มไมซ์ภายในประเทศ 35,316,508 ล้านคน สร้างรายได้ 91,142 ล้านบาท นางศุภวรรณ ว่าและกล่าว

” สำหรับปีนี้มีงานไมซ์สำคัญที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 1.งานไมซ์ในประเทศ อาทิ งาน TDMM –Thailand Domestic MICE MART 2018 จัดที่ กทม. งาน LIMEC Luangprabang-Indochina-Mawlamyine Economic Corridor การประชุมระเบียงเศรษฐกิจ หลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย จัดที่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย และกำแพงเพชร 2.งานไมซ์ต่างประเทศในธุรกิจการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล อาทิ งาน Herbalife North Asia Extravaganza 2018 จัดที่ กทม. ธุรกิจการประชุมนานาชาติ อาทิ งาน PATA Destination Marketing Forum 2018 จัดที่ จ.ขอนแก่น และงาน Sport Accord Convention 2018 จัดที่ กทม.

ธุรกิจการแสดงสินค้านานาชาติ เมกะอีเวนต์ และเฟสติวัล อาทิ งาน World Cyber Game 2018 งาน ASEAN Sustainable Energy Week 2018 งาน Bangkok Design Week 2018 งาน Asian Side of the Doc 2018 งาน Bangkok Entertainment Fest จัดที่ กทม.และงาน Chiang Mai Blooms จัดที่ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น ”

ด้าน น.ส.อะมีเลีย โรซี่แมน ประธานฝ่ายปฏิบัติการ ซาราวัค คอนเวนชั่น บูโร หรือ SCB กล่าวว่า เมืองรองนั้นสามารถสร้างการรับรู้และสร้างการเติบโตในแง่ของเศรษฐกิจได้ หากมีแผนการตลาดที่ดี มีการสร้างแบรนด์ และสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองที่ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบเมืองหลวง ดังเช่นที่ซาราวัคได้นำเอาความโดดเด่นของเกาะบอร์เนียวมาผนวกเข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้มาตรฐาน เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดกิจกรรมไมซ์ระดับโลก ให้มาจัดงานที่นี่ได้ดังเช่น The 55th ICCA Congress 2016

โดยซาราวัคนั้นมีเป้าหมาย ในการสร้างเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการจัดงานไมซ์หรือ Business Event มีพันธมิตรสำคัญคือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ให้ความร่วมมือและพร้อมจะพัฒนาศักยภาพตัวเอง เพื่อให้สามารถรองรับกิจกรรมเชิงธุรกิจเหล่านี้ได้ ทุกคนต่างให้ความสำคัญและพร้อมเป็นตัวแทนของประเทศ ที่จะเป็นพลังในการขับเคลื่อน มีการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันที่ชัดเจน อาทิ ลดช่องว่างหรืออุปสรรคทางการสื่อสาร ให้ได้อย่างรวดเร็ว เป้าหมายเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีผู้รับผิดชอบดูแลพันธมิตรในแต่ละภาคส่วน

โดยได้มีการตั้งฝ่าย Government and Industry Relations ขึ้นเพื่อทำหน้าที่โปรโมท เชื่อมโยง และส่งเสริมหน่วยงานต่างๆ ให้ทำงานควบคู่ไปกับ SCB ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ก่อให้เกิดประโยชน์กับเมืองหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ไปยังชุมชน การเกิดกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility หรือ CSR) ที่มากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีและการศึกษา เพื่อพัฒนาประ เทศ มีการประชาสัมพันธ์เมืองให้เป็นที่รู้จักไปยังทั่วโลก และมีโอกาสสร้างพันธมิตรระหว่างประเทศดังเช่นการเดินทางมาร่วมกิจกรรมที่เชียงใหม่ใจครั้งนี้ ก็เชื่อว่าจะเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ที่ดี สำหรับพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของเมืองได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น