เจแปนฟาวน์เดชั่น กทม. และเอส เอฟ ฉลอง 131 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น เตรียมจัด“เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2561”

เจแปนฟาวน์เดชั่น กทม. ร่วมกับ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เตรียมจัด “เทศกาลภาพ ยนตร์ญี่ปุ่น 2561” ฉลองครบรอบ 131 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย พร้อมต้อนรับเดือนแห่งความรักอย่างยิ่งใหญ่ ส่งภาพยนตร์คุณภาพจากแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อให้เข้าถึงคอหนังทุกๆวัย ทุกๆกลุ่มด้วยบทบรรยายไทยและภาษาอังกฤษทุกเรื่อง ทุกรอบ
จัดฉายตั้งแต่ วันที่ 2-11 กุ.พ.61 ณโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์ การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเพื่อให้คอหนังต่างจังหวัด ได้มีโอกาสรับชมภาพยนตร์คุณภาพจากแดนอาทิตย์อุทัย จึงจัดเทศกาลฯ ขึ้นอีก 3 ภาค 3 จังหวัด โดยภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ ภาคใต้ที่ จ.ภูเก็ต และภาคอีสานครั้งแรกที่ จ.นครราชสีมา(โคราช)

สำหรับ “เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2561” ในปีนี้เป็นการจัดเทศกาลครั้งที่ 41 และได้คัดเลือกหนังหลากหลายประ เภท รวม 11 เรื่อง ที่ล้วนแสดงถึงศิลปะ วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น มาให้ชาวไทยได้ชมเพื่อเป็นการศึกษาและแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

เริ่มต้นกันที่ภาพยนตร์เปิดเทศกาล “Destiny: Kamakura Story” ผลงานเรื่องล่าสุดของ ทาคาชิ ยามาซากิ ผู้กำกับเจ้าของผลงานภาพยนตร์เรื่องดังมากมาย อาทิ Stand by Me: Doraemon, Parasyte และ Always ทั้ง 3 ภาค ที่ครั้งนี้หยิบเอาการ์ตูนผลงานของ อ.เรียวเฮ ไซงัง (ผู้แต่ง Always) มาสร้างเป็นหนังครั้งแรก Destiny: Kamakura Story เป็นเรื่องราวของ อิชิกิ นักเขียนนิยายพิศวงที่อาศัยอยู่กับภรรยาในเมืองคามาคุระ ที่นี่เองพวกเขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น รวมถึงการได้ผจญภัยเข้าไปในโลกแสนมหัศจรรย์ของพวกมันด้วย

ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า “ReLIFE” เรื่องราวของ อาราตะ คาอิซากิ วัย 27 ปี ที่กลายเป็นคนตกงานหลังจากทำงานไปได้เพียง 5 เดือน เขาได้พบกับชายลึกลับคนหนึ่งชื่อ เรียว โยอาเกะ ผู้ซึ่งเชิญชวนให้เขามีส่วนร่วมในโครง การย้อนวัย ที่เรียกว่า ReLIFE ซึ่งโครงการนี้เป็นการทดลองใช้ยาที่จะทำให้ย้อนวัยกลับไป 10 ปี เป็นระยะเวลาหนึ่งปี คาอิซากิคิดว่าเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงตกลงร่วมการทดลองย้อนวัยและกลับไปเข้าโรงเรียน ม.ปลายอีกครั้ง ซึ่งเขาค่อยๆสร้างความผูกพันกับกลุ่มเพื่อนร่วมชั้น เช่น จิซูรุ ฮิชิโร่ คาอิซากิ พบว่าตัวเองตกหลุมรักจิซูรุ แต่ตามสัญญาของโครงการนี้ เมื่อการทดลองหนึ่งปีสิ้นสุดลง เขาจะต้องถูกลบออกจากความทรงจำของเธอ จะเกิดอะไรขึ้นกับความรักของพวกเขา? และอนาคตของคาอิซากิ หลังจบจาก ReLIFE จะเป็นอย่างไร?

“Memoirs of a Murderer; 22” ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่รีเมคจากภาพยนตร์เกาหลีเรื่องดังเรื่อง “Confession of Murder” โดย Jung Byung-gil ในปี 1995 เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่คร่าชีวิตคนไปถึง 5 ชีวิตอย่างน่าสยด สยอง และคนร้ายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 22 ปีต่อมา เขากลับมาพร้อมรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ในงานแถลงข่าวประกาศเปิดตัวหนังสือที่เขาเขียนเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่เขาได้ทำเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งพอดีกับวันที่คดีความของเขาได้หมดอายุลง การสารภาพของเขาทำให้ทุกสื่อให้ความสำคัญกับคดีนี้ และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในสังคม แต่แท้ จริงแล้วการสารภาพของเขานั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสยดสยองครั้งใหม่ โดยในเวอร์ชั่นนี้ได้ ทัตสึยะ ฟูจิวาระ จากภาพยนตร์เรื่องดังอาทิ Death Note และ Battle Royale มารับบทนำสุดท้าทายในครั้งนี้

“Miss Hokusai” ภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่องราวของ คาสึชิกะ โฮะคุไซ เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกคนหนึ่ง เขามีแรงบันดาลใจมาจากมอแน(จิตรกรชาวฝรั่งเศส) และเดอบูว์ซี (คีตกวีชาวฝั่งเศส) ผลงานที่โดดเด่นของเขาก็คือ คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาว่า ที่สามารถเห็นลายสกรีนได้ตามเสื้อยืด และแก้วกาแฟทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม มีน้อยคนที่รู้จักลูกสาวของเขา และเธอมีส่วนร่วมในงานศิลปะของพ่อเธออย่างไร ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พูดถึงเรื่องราวของโอเอะ ลูกสาวของคาสึชิกะ โอคุไซ ผู้หญิงที่มากด้วยความสามารถ และมักจะใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตนเอง โดยการนำเสนอเรื่องราวของเธอในทุกๆช่วงชีวิต “แค่มีพู่กัน 2 ด้าม และตะเกียบ 2 คู่ เราสองคนพ่อลูกก็สามารถเดินทางไปได้ทุกหนทุกแห่ง”

“MUMON” ภาพยนตร์แอ็กชั่นเรื่องราวของ โอะดะ โนะบุนะงะ ที่ได้ชื่อว่าเจ้าแห่งสงคราม ได้ปราบปรามศัตรูอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะรวบรวมทุกแคว้นในประเทศ มาอยู่ภายใต้การปกครองของเขา อย่างไรก็ตามยังมีพื้นที่ที่หนึ่งที่ทำให้เขากังวล ที่นั้นก็คือ จ.อิงะ เพราะ จ.อิงะ เป็นบ้านของนินจาอิงะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะทหารที่แข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมที่พวกเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ส่วนมูม่อนเป็นนินจาที่ขี้เกียจ แต่เขาก็เป็นนินจาที่เก่งที่สุดใน จ.อิงะ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ฆ่านินจาจากสำนักอื่นเพื่อเงินรางวัล โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขานั้น จะนำไปสู่การสู้รบระหว่างนินจาอิงะ กับนักรบของ โอดะ โนบุคัตสึ ในเมืองอิเซะ

“Close-Knit” ภาพยนตร์ดราม่า ที่จะสร้างความประทับใจและเรียกน้ำตาด้วยเรื่องราวของ ริงโกะ เป็นสาวประเภทสองผู้มีหัวใจบริสุทธ์ดั่งทองคำ มาคิโอะ แฟนหนุ่มผู้ที่หลงรักเธอด้วยหัวใจ โดยไม่สนว่าเธอเป็นใคร และเด็กหญิงผู้โดดเดี่ยว ชื่อโทโมะ ก็ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของพวกเขา นี่เป็นเรื่องราว 60 วัน อันแสนอบอุ่นในชีวิตของทั้งสามคนที่ค้นพบความสุขของตัวเอง ท่ามกลางดอกเชอร์รี่ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ

นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์อีกหลากหลายรสชาติ มาให้เลือกชมกันอย่างเต็มอิ่ม ทั้ง ภาพยนตร์คอมเมนดี้ Honnouji Hotel, ภาพยนตร์ดราม่า Reflections, ภาพยนตร์คอมเมดี้ครอบครัว Survival Family, ภาพยนตร์ดราม่า The Long Excuse และภาพยนตร์สารคดี Tora-san of Goto ที่จะทำให้ผู้ชมจะได้รับความสุขกับทุกเรื่องราวที่ได้เลือกสรรมาอย่างแน่นอน

“เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2561” ในครั้งนี้จัดฉายพร้อมบทบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทุกเรื่อง ทุกรอบ ณ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 2-11 ก.พ. ในราคาเพียง 120 บาท/ ในระหว่างวันที่ 23-25 ก.พ. ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียง ใหม่ ในราคาเพียง 80 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ ณ จุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ รวมถึงสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ผ่านเว็บไซต์ www.sfcinemacity.com ได้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.เป็นต้นไป

พิเศษสุดสำหรับชาวโคราชและภูเก็ตได้รับชมชมฟรี!! ระหว่างวันที่ 2-4 มี.ค. ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา และปิดท้ายกันที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ระหว่าง 9-11 มี.ค. โดยสามารถรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์“เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2561” บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ 45 นาทีก่อนรอบฉาย ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SF Call Center 02-268-8888 เว็บไซต์ www.sfcinemacity.com และ www.facebook.com /Welovesf หรือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่หน้าโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ร่วมแสดงความคิดเห็น