วัดเกตการาม หรือชื่อเดิมว่า วัดสระเกษ ในสมัยก่อนวัดเกตเป็นย่านการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นชุมชนใหญ่ เนื่องจากย่านนี้ ตั้งอยู่ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ถ้ามองข้ามไปจากฝั่งน้ำปิง จะอยู่ตรงข้ามกับตลาดวโรรส(กาดหลวง) โดยมีสะพานคนเดินเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำปิงสามารถข้ามไปมาระหว่างวัดกับตลาดได้ที่เรียกว่า “ขั่วแขก” หรือ “สะพานจันทร์สมอนุสรณ์”
ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีพระธาตุประจำปีเกิดตามคติความเชื่อเรื่องปีนักษัตรกับคติการบูชาพระบรมธาตุของชาวล้านนา รวม 5 วัด ซึ่งวัดเกตการาม มีเจดีย์เกษแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีจอ เป็นองค์แทนเจดีย์เกษแก้วจุฬามณีที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อให้คนที่เกิดในปีนักษัตรปีจอได้มาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
พระวิหาร สร้างสมัยรัตนโกสินทร์ พระวิหาร อาคารก่ออิฐถือปูน สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาเรียงซ้อนกัน 5 ชั้น ชั้นนอกสุด เป็นมุขคลุมบริเวณบันไดนาค หัวเสาประดับด้วยแก้วอังวะ หน้าบันได ประดับด้วยงานไม้แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษา หลังพระวิหารประดับกระจกแก้วสีต่างๆ เป็นลวดลายสวยงามมาก พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
อุโบสถ ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของพระวิหาร ซึ่งจะเปิดใช้เฉพาะในงานพิธีอุปสมบทเท่านั้น มีความงดงามของศิลปกรรมที่ประดับอยู่ด้านหน้าอุโบสถ ซึ่งน่าชมมาก ๆ มีพญานาคสองตัวเลื้อยออกมาจากผนังโบสถ์ ขนาบข้างไปกับราวบันได แล้วม้วนตัวชูหัว อ้าปาก นอกจากนี้ที่บานประตูยังมีลวดลายสลักไม้รูปเทพพนมสีทอง บนลวดลายสีแดง ดูโดดเด่น ด้านข้างบานประตูมีลวดลายปูนปั้นประดับทั้งสองข้างบานประตู รูปกิเลน มังกร ปลา และต้นไม้แบบจีนที่มีความวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง
ด้านหลังของอุโบสถ เป็นอาคารโรงเรียนนักธรรมหลังเก่าสองชั้น เป็นเรือนไม้อายุร่วมร้อยปี มีความงดงามด้วยลวดลายฉลุไม้ประดับหน้าจั่วและตามมุมต่างๆ ยังคงการดูแลรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมความงดงามได้อย่างสมบรูณ์
พิพิธภัณฑ์วัดเกตุการาม เดิมเป็นกุฏิเจ้าอาวาส จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นที่เก็บรวมรวมของเก่าแก่มีค่ามหาศาล ตั้งแต่โบราณกาล สร้างขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช 2542 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา เนื่องจากที่วัดเกตมีของเก่าแก่สะสมไว้มาก อีกทั้งยังมีชาวบ้านบริจาคข้าวของเก่าแก่ให้ทำพิพิธภัณฑ์กันเป็นจำนวนมาก
เรียบเรียง ถ่ายภาพ ตัดต่อ โดย พรรณิภา อินนันชัย นักศึกษาฝึกประสบการณ์ มหาวิทยาลัยพะเยา
ผู้บรรยายเสียง ทิพาพร เกียรติวัฒนเจริญ นักศึกษาฝึกประสบการณ์ มหาวิทยาลัยพะเยา
ร่วมแสดงความคิดเห็น