ยังไม่ลืมเสือดำ หมอนักอนุรักษ์ที่เชียงใหม่ เปิดอาคารในที่ดินส่วนตัวให้ผู้สนใจสร้างสรรค์งานศิลปะ “เสือดำ” บนผนังกำแพงตามใจชอบ

จากกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ที่เข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยังคงได้รับการจับตามองอย่างต่อเนื่องจากสังคม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีตามกฎหมายที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตและมีความเป็นห่วงว่าผู้ต้องหาอาจจะรอดพ้นการถูกลงโทษ ทำให้มีผู้คนเคลื่อนไหวและแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดนักอนุรักษ์ชื่อดังอย่างนายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ “หมอหม่อง” อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา ได้เปิดพื้นที่ฝาผนังและกำแพงอาคารที่ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนตัวของตัวเองย่านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ผู้ที่สนใจและต้องการจะแสดงออกหรือระบายความอัดอั้นเกี่ยวกับกรณีคดียิงเสือดำ สามารถเข้าไปใช้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อย่างอิสระตามความถนัดและความชอบใจ พร้อมทั้งเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ ไว้ให้จำนวนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.61 ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศเชิญชวนผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างดี

ทั้งนี้นายแพทย์รังสฤษฎ์ เปิดเผยว่า การเปิดพื้นที่ในที่ส่วนตัวของตัวเองให้คนที่สนใจเข้ามาร่วมแสดงออกผ่านผลงานศิลปะตามความชอบและความถนัดเกี่ยวกับกรณีที่เสือดำที่ถูกยิงตายนั้น สืบเนื่องมาจากเห็นว่าหลายคนมีความอึดอัดใจและมีความเป็นห่วงกังวลอย่างมากที่การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่มีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น และกังวลว่าผู้ต้องหาอาจจะลอยนวลหรือไม่ ทำให้อยากจะแสดงออกหรือทำอะไรสักอย่าง โดยที่ผ่านมาพบว่าหลายคนมีการแสดงออกด้วยการวาดภาพหรือสร้างสรรค์งานศิลปะตามสถานที่ต่างๆ แต่ปรากฏว่าก็ถูกลบทิ้ง ซึ่งโดยส่วนตัวอยากแสดงออกด้วยวิธีนี้เช่นกัน ประกอบกับมีความพร้อมด้านสถานที่ จึงถือโอกาสนี้เปิดพื้นที่ให้คนที่สนใจในประเด็นเดียวกันนี้สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้เพื่อแสดงออกผ่านผลงานศิลปะบนฝาผนังหรือกำแพง ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้เห็นและเป็นการย้ำเตือนผู้คนในสังคมด้วยว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดและถูกจับตามองอยู่เสมอ

นอกจากนี้นายแพทย์รังสฤษฎ์ แสดงความคิดเห็นด้วยว่า การที่ผู้คนในสังคมจับจ้องคดีนี้เนื่องจากต่างมีความกังวลว่าผู้ต้องหาในคดีจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะเป็นการสร้างจิตวิทยาที่ผิดเพี้ยนให้กับสังคม และทำให้ผู้คนในสังคมสิ้นหวังด้วย เพราะจะทำให้เห็นว่ากฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ในการบังคับใช้ลงโทษกับผู้ที่มีอิทธิพลหรือผู้ที่มีความร่ำรวย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กระแสสังคมพยายามจะแสดงออกและสะท้อนส่งเสียงให้เกิดการดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างไปในทิศทางที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันมองว่าคดีนี้แม้จะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย คนทั่วไปต่างเห็นว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดชัดเจน ซึ่งการดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่ยุ่งยาก และไม่ควรจะยืดเยื้อ ดังนั้นเมื่อการดำเนินการตามกฎหมายไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร จึงทำให้ผู้คนในสังคมอดที่จะกลัวไม่ได้ว่าจะเกิดกรณีซ้ำรอยเหมือนหลายกรณีที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีกหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น