แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งปิดป่า ห้ามชาวเขาเข้าไปหาเก็บของป่าเด็ดขาด ป้องกันการลอบเผา

จังหวัดแม่ฮ่องสอนรับลูกจากแม่ทัพภาคที่ 3 สั่งปิดป่า ห้ามราษฎรเข้าไปหาเก็บของป่าเด็ดขาดในห้วงระยะเวลา 7 วัน เพื่อหวังแก้ไขปัญหาไฟป่า แต่คาดว่าจะกระทบต่อความเป็นอยู่ของชีวิตราษฎรชาวเขาที่อาศัยอยู่กับป่าในวงกว้าง

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากที่นายประจวบ อาจารพงศ์ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน , นายสาคร รุ่งเรือง รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน , นายคำนึง คำอุดม รักษาราชการผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยป่าไม้ , ตำรวจ และทหาร ร่วมประชุมวิดีโอทางไกล ( Conference ) ตามข้อสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 3 เรื่องให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการปิดป่าแบบมีเงื่อนไข และขอความร่วมมือประชาชน ห้ามเข้าไปในพื้นที่ป่าในห้วง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 – 31 มีนาคม 2561 นี้ เพื่อทำการลดค่าคุณภาพอากาศให้อยู่ในภาวะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยทั่วไปและไม่กระทบต่อเทศกาลท่องเที่ยวสงกรานต์
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า การปิดป่าไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องไฟป่าได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่กลับจะส่งผลกระทบต่อราษฎรชาวเขา ยากจนที่สุดในประเทศ ที่อาศัยอยู่กับป่ามานานหลายร้อยปี การแก้ปัญหาไฟป่า ทุกปีมีการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล แต่เม็ดเงินที่ลงไปถึงราษฎรจริง ๆ เพื่อแก้ปัญหาไฟป่า แค่ร้อยละ 10 ของงบประมาณจากรัฐ เงินที่เหลือไม่เคยมีการชี้แจงว่าเอาไปทำอะไรบ้าง และมีผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด
นอกจากนั้น การสั่งการลงไปยังผู้นำหมู่บ้าน ที่มีแต่คำสั่งและผู้นำหมู่บ้านที่ ไม่เข้มแข็งพอ จะไม่สามารถแก้ปัญหาไฟป่าได้ ในทุกปี มีการประกาศว่าสามารถแก้ไขปัญหาไฟป่าได้ผล แต่กลับมีการของบประมาณเพิ่ม ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง ทั้งนี้ในแต่ละปี จะเห็นว่าพื้นที่ป่าแทบทุกตารางนิ้วของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะถูกไฟป่าเผาผลาญอย่างหนัก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ แต่จะกระทบต่อสุขภาพในระยะสั้น ๆ และประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนแม่ฮ่องสอนจะเคยชินกับสภาวะดังกล่าว โดยผลการรักษาทางการแพทย์จากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์แม่ฮ่องสอนจะไม่เห็นผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างชัดเจน และกลุ่มคนที่ป่วย ส่วนใหญ่จะเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน ซึ่งสามารถรักษาได้
สถานการณ์เกี่ยวกับหมอกควันไฟป่า ล่าสุด เมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ ( 25 ) กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานค่าปริมาณฝุ่นละอองที่ลอยเจือปนในอากาศวัดค่าได้ 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 107 ซึ่งเป็นค่ามลพิษที่เกินมาตรฐานต่อเนื่องมาแล้ว 2 วัน โดยทัศนวิสัยในการมองเห็นในช่วงเช้าต่ำกว่า 1,000 เมตร

ร่วมแสดงความคิดเห็น