ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เดินหน้ามาตรการประกาศปิดป่าแบบมีเงื่อนไข 7 วัน ตั้งแต่ 25 – 31 มี.ค.นี้

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เดินหน้ามาตรการประกาศปิดป่าแบบมีเงื่อนไข 7 วัน ตั้งแต่ 25 – 31 มี.ค.นี้ โดยจะดำเนินคดีกับผู้เผาป่าอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2561 ที่ ห้องศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่อย่างเร่งด่วน นำโดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ทหาร ตำรวจ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุม VDO Conference กับผู้แทนจาก 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับมอบแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีประกาศ เรื่อง มาตรการในการขออนุญาตเข้าป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2561 เนื่องจากขณะนี้เกิดสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ค่า PM 10 มีแนวโน้มสูงขึ้น และได้รับผลกระทบจากกระแสลมมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาหมอกควันอันเกิดจากจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านและจังหวัดใกล้เคียง ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่มีผลกระทบต่อประชาชนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดมาตรการในการขออนุญาตเข้าป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 – 31 มีนาคม 2561 โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 1.บุคคลใดมีความประสงค์เข้าพื้นที่ป่า ให้มาลงทะเบียนขออนุญาตต่อนายอำเภอ ในฐานะผู้อำนวยการ หรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย 2.ให้แจ้งและกำหนดเส้นทางเข้าออก แสดงเหตุผล พร้อมนำบัตรประชาชนมาแสดงต่อผู้อนุญาต และให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน 3.ผู้ที่ได้รับอนุญาตห้ามนำอุปกรณ์ก่อให้เกิดไฟทุกชนิดเข้าป่า ซึ่งมาตรการหรือรายละเอียดในการดำเนินการให้นายอำเภอสามารถกำหนดเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยจะคุมเข้มและดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานราชการ อำเภอ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดี โดยไม่ให้มีการเผาทุกชนิด และควบคุมไม่ให้เกิดฝุ่นละอองในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่มีโครงการก่อสร้างต่างๆ เช่น ถนน อาคารสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น ให้ควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดฝุ่นละอองโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ หากท้องที่ใดมีค่า PM 10 มีแนวโน้มสูงขึ้น ให้ปฏิบัติการสร้างความชุ่มชื้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอให้ประชาชนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยการรดน้ำต้นไม้ สนามหญ้า หรือพ่นละอองน้ำบนหลังคาที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองที่อยู่ในบริเวณรอบๆที่อยู่อาศัยได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างหนักในห้วงอาทิตย์ที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าอาจจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในห้วงของปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจากการผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พบจุดความร้อนสะสม หรือ Hotspot ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 24 มีนาคม 2561 มีจุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งสิ้นจำนวน 407 จุด และในช่วงห้ามเผาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 24 มีนาคม 2561 พบจุด Hotspot จำนวน 125 จุด ซึ่งถือว่าในปีนี้เกิดขึ้นไม่มากในพื้นที่เชียงใหม่ แต่จะเกิดในพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและค่าฝุ่นละอองที่อาจจะเกินค่ามาตรฐานได้ รวมทั้งสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ ทำให้ฝุ่นละอองและหมอกควันกระจายตัวได้ยากมากยิ่งขึ้น อาจส่งผลกระทบในหลายด้านโดยเฉพาะสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จึงต้องติดตามสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าอย่างใกล้ชิด

ร่วมแสดงความคิดเห็น