ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ประชุมเครียด เรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านใน 3 อำเภอ หามาตรการแก้ไขการเกิดไฟโดยด่วน หลังพบ Hotspot ในพื้นที่หลายจุด

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ประชุมเครียด เรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านใน 3 อำเภอ หามาตรการแก้ไขการเกิดไฟโดยด่วน หลังพบ Hotspot ในพื้นที่หลายจุด พร้อมกำชับให้ใช้ อปพร. ลาดตระเวน และเฝ้าระวังจุดเสี่ยง เพื่อยับยั้งการเกิดไฟซ้ำซาก

วันนี้ (28 มี.ค.61) เวลา 13.30 น. ที่ ห้องศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วน นายอำเภอ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อำเภออมก๋อย เชียงใหม่ และแม่วาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงสาเหตุการเกิดจุด Hotspot ภายในวันเดียวถึง 17 จุด ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบเดือนมีนาคม เพื่อเร่งหาแนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่

สำหรับ ปัญหาอุปสรรคใน 3 อำเภอนั้น ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่กว้าง และเป็นหุบเขาลาดชัน รวมทั้งมีเขตติดต่อกันหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างหมู่บ้าน จึงยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่เมื่อเกิดไฟ โดยอำเภออมก๋อย เมื่อเทียบกับสถิติจากปีที่ผ่านมา ถือว่าเกิดจุด Hotspot มากที่สุด ในส่วนของอำเภอแม่วาง จะเกิดไฟในพื้นที่ซ้ำซาก เนื่องจากเมื่อเข้าไปดับไฟแล้วดับไม่สนิท ทำให้เกิดซ้ำในจุดเดิมซ้ำ แล้วลามไปจุดอื่นเป็นวงกว้าง ซึ่งนายอำเภอได้ปรับกลยุทธ์ในการระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยกันดับไฟ และแบ่งกำลังออกเป็น 3 ส่วน ต้นไฟ กลางไฟ ท้ายไฟ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่หุบเขาลึก ทางลาดชัน ประกอบกับมีใบไม้ทับถมกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดไฟลุกลามได้รวดเร็ว หากในพื้นที่ใดต้องการกำลังสนับสนุนทางอากาศ เพื่อช่วยในการดับไฟ สามารถแจ้งหน่วยงานที่รับชอบโดยตรงได้ทันที

ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกอำเภอใช้ระบบ Single Command ให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยมอบหมายให้นายอำเภอเป็นผู้มีอำนาจสั่งการในการดูแลแก้ไขปัญหาไฟป่ากับทุกหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดอำเภอ และกระจายความรับผิดชอบลงไปยังระดับตำบลและหมู่บ้าน ซึ่งได้สั่งการให้นายอำเภอทำความเข้าใจกับตัวแทนองค์กรปกครองท้องถิ่น ในการดำเนินงานต่างๆ อย่างเต็มที่ เช่น การลาดตระเวน การเข้าดับไฟ ตั้งด่านตรวจ หรือการทำแนวกันไฟ โดยเฉพาะการให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ อปพร. แต่ละพื้นที่ในการช่วยสนับสนุน หากหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตาม จะต้องมีโทษตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ได้ย้ำให้นายอำเภอ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ชี้แจงงบประมาณในการดำเนินงานแต่ละส่วนที่จะต้องรีบแจกจ่าย เพื่อส่งต่อไปยังระดับตำบลและหมู่บ้านอย่างครบถ้วน หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการ จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

อย่าไรก็ตาม ได้ขอความร่วมมือจากท้องถิ่น ช่วยประชาสัมพันธ์กระจายข่าวในพื้นที่ห่างไกล โดยให้เจ้าหน้าที่ในอำเภอสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งก่อนหน้านี้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีประกาศ เรื่อง มาตรการในการขออนุญาตเข้าป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 เป็นการปิดป่าแบบมีเงื่อนไข โดยผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่ป่าให้มาขออนุญาตต่อนายอำเภอ และต้องแสดงบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งแจ้งเส้นทางเข้าออก ผู้ที่ได้รับอนุญาตห้ามนำอุปกรณ์ที่สามารถก่อให้เกิดไฟทุกชนิดเข้าป่า นอกจากนี้ ยังเตือนประชาชนเตรียมป้องกันตนเองจากหมอกควัน ภายใน 1 – 2 วันนี้ ฝุ่นควันจากต่างอำเภอที่โดนลมจากจะลอยเข้ามาสะสมอยู่ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เป็นแอ่งกระทะ ประกอบกับอากาศในช่วงเช้าจะทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถลอยตัวขึ้นไปได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก

ร่วมแสดงความคิดเห็น