เด็กนาต๋ม ปลูกผักรักษาโรงเรียน

ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้ปกครองต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องในครอบครัว เวลาเอาใจใส่ลูกๆ จึงลดลง และส่วนหนึ่งได้ผลักภาระไปให้โรงเรียน เช่น เลือกโรงเรียนที่มีรถรับ-ส่งนักเรียนฟรี เรียนฟรี หรือมีสิ่งสาธารณูปโภครองรับมากกว่า จะได้ไม่เสียเวลารับส่งบุตรหลานด้วยตนเอง ขณะที่ส่วนหนึ่งก็คุมกำเนิด ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูลูก ส่งผลให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาหลายๆ แห่ง ถูกยุบ เพราะจำนวนนักเรียนมีน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
นรกมล เครือวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาต๋ม ต.บ้านกิ่ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เล่าถึงวิกฤติที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ช่วงปี 2559 ว่าเหลือเด็กนักเรียนแค่ 35 คน จากเดิมที่มีมากสุดในปี 2527 จำนวน 300 กว่าคน จนโรงเรียนอยู่ในสถานะถูกพิจารณาให้ยุบ หากด้วยความต้องการของชุมชนที่ยังอยากให้มีโรงเรียนใกล้บ้าน และเล็งเห็นว่าโรงเรียนสามารถปรับทัศนะของเด็กๆ ในด้านโภชนาการได้ จึงขอรับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนเพื่อสุขภาพ (สสส.) ทำโครงการเด็กนาต๋ม นิยมกินผักผลไม้ ใส่ใจสุขภาพ
จากการทำแบบสำรวจในช่วงก่อนเริ่มโครงการ พบว่าเด็กไม่ชอบกินผักผลไม้ เมื่อเจอผักในเมนูอาหารก็จะเขี่ยทิ้ง และการติดตามพฤติกรรมบริโภคอาหารกลางวันจากปริมาณเศษอาหารที่เหลือ วันไหนที่แม่ครัวทำเมนูเกี่ยวกับผัก จะมีเศษอาหารเหลือมากกว่าเมนูที่ทำจากเนื้อ เช่นเดียวกับวันไหนที่มีผลไม้ มักจะถูกเด็กทิ้งมากกว่าขนม
จึงได้จัดอบรมให้ความรู้ เป็นการพัฒนาศักยภาพของแม่ครัว ขณะเดียวกันคณะกรรมการดำเนินงานที่ประกอบด้วยครู แม่ครัว ตัวแทนผู้ปกครอง และตัวแทนนักเรียน ก็ประชุมร่วมกันทุกเดือน เพื่อจัดทำรายการอาหารกลางวันร่วมกัน โดยใช้โปรแกรม Thai School Lunch ช่วยคำนวณให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และมีคุณค่าเหมาะสมกับวัยของเด็ก
เกี่ยวกับตัวเด็กเอง มีการอบรมพัฒนาศักยภาพของแกนนำนักเรียน ให้รู้ว่าผักผลไม้มีประโยชน์อย่างไร วิธีการเลือกซื้อที่ถูกต้อง ก่อนให้แกนนำขยายความรู้ไปสู่นักเรียนทั้งโรงเรียน นอกเหนือจากนี้ยังให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมส่งเสริมการบริโภคผักผลไม้ ผ่านรูปแบบการทำโครงงาน และบูรณาการกับทุกวิชา อาทิ การเลี้ยงปลา เพาะเห็ด เพาะถั่วงอก ทำน้ำดื่มสมุนไพร ในการเยี่ยมบ้านเด็กก็แจกพันธุ์ผักบุ้ง ทำให้เด็กกับผู้ปกครองมีกิจกรรมทำร่วมกัน เมื่อเด็กปลูกผักในโรงเรียนจึงไม่แปลกที่จะเห็นผู้ปกครองมาช่วยดูแลด้วย
เมื่อทำทุกอย่างควบคู่กันไป เด็กได้นำผักที่ปลูกเองมาทำอาหาร แม่ครัวปรับวิธีการหั่นผักผลไม้ให้ชิ้นเล็กลง ครูและผู้ปกครอง คอยดูแลการรับประทานอาหาร ให้มีผักผลไม้ ทั้งที่โรงเรียนและบ้าน ปริมาณการเขี่ยผักผลไม้ทิ้งก็น้อยลง และสังเกตพบว่าผักที่เด็กชอบ คือ ผักบุ้ง ผักกาด ถั่วงอก
“ผลพลอยได้ที่ตามมา คือในปีการศึกษาใหม่นี้ มีเด็กเพิ่มขึ้น เป็น 48 คน เนื่องจากผู้ปกครองเห็นว่าเด็กในโรงเรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุกด้าน และครูก็เอาใจใส่อย่างจริงจัง” ผอ.โรงเรียนบ้านนาต๋ม อธิบาย
พีระพล ธรรมศร ครูช่วยสอน และกรรมการโครงการ กล่าวเสริมว่า การทำให้เด็กกินผัก นอกจากครู และผู้ปกครอง ต้องคอยกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอแล้ว การให้พี่คอยติดตามดูแลน้อง หรือเพื่อนติดตามเพื่อน ว่าบริโภคผักผลไม้หรือไม่ อย่างไร ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้ผลค่อนข้างมาก เด็กจะคอยบอกว่าใครกินผัก ใครไม่กินผัก คนที่ไม่กินผักจะรู้สึกอาย และค่อยๆ ปรับตัว จนสามารถกินผักได้โดยปริยาย นอกจากนี้การได้ปลูกผักเอง ได้ดูแลรดน้ำพรวนดิน เฝ้ามองการเจริญเติบโตของผัก ก็ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่าของผักมากขึ้น และบางโครงงานแม้จะไม่ใช่การปลูกผักโดยตรง หากในการนำมาประกอบอาหาร ก็ต้องใช้ผักเป็นส่วนประกอบ อาหารเกือบทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กับผักทั้งสิ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น