ขบวนแห่สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์และพระพุทธรูปที่สำคัญในเมืองเชียงใหม่

ขบวนแห่สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์และพระพุทธรูปที่สำคัญในเมืองเชียงใหม่

ในการสรงน้ำพระพุทธรูปของชาวล้านนาแต่โบราณ จะทำกันในวัน วันสิ้นปีเก่า หรือ วันสังขานล่อง จะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป ชาวบ้านจะจัดเตรียมน้ำขมิ้นส้มป่อย โดยใช้ขันน้ำที่เรียกว่าสลุงเติมน้ำแล้วนำฝักส้มป่อยปิ้งให้มีกลิ่นหอมหักใส่ลงไปพร้อมกับด้วยเกสรดอกไม้แห้งที่มีกลิ่นหอม เช่น ดอกสารภี หรือดอกคำฝอย ผสมให้เข้ากัน เพื่อรอสรงน้ำขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ผ่านหน้าบ้านที่จะเป็นมงคลชัยตลอดปี
บรรยากาศงานสงกรานต์ หรือ ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ของจังหวัดเชียงใหม่ดูจะคึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะมีประชาชนทั้งใน ต่างจังหวัด และนักท่องเที่ยว หลั่งไหลเดินทางมาเล่นน้ำสงกรานต์จนงานสงกรานต์เชียงใหม่กลายเป็นประเพณีที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไปแล้ว

นอกจากการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ในตอนกลางวันแล้ว บรรยากาศในช่วงเช้าเราจะเห็นภาพของผู้คนทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่ออกไปทำบุญที่วัดในวันปีใหม่ ด้วยเป็นเพราะเมืองเชียงใหม่ และชาวล้านนานั้นมีประเพณีและวัฒนธรรมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน อีกทั้งคนเมืองเชียงใหม่เองนับถือศาสนาพุทธ ดังนั้นพิธีกรรมต่าง ๆ จึงเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่

สำหรับงานเทศกาลสงกรานต์ของเชียงใหม่ ในปีนี้จัดขึ้นที่ข่วงประตูท่าแพ บรรยากาศโดยทั่วไปมีประชาชนให้ความสนใจ ในตอนเช้าจัดให้มีพระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต สายหน่อยมีการประกวดแม่ญิงขี่รถถีบกางจ้อง ซึ่งประเพณีเหล่านี้ได้ถือปฏิบัติกันมาเป็นประจำ

เทศกาลสงกรานต์ หรือ ปี๋ใหม่เมือง ของเชียงใหม่จะมีบรรดานักท่องเที่ยวออกมาเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานตามบริเวณคูเมืองรอบ ๆ เชียงใหม่ ภาพของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่กำลังเล่นน้ำอย่างชุ่มฉ่ำจึงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะนิยมไปรับศีลฟังธรรมที่วัด พอสาย ๆ ก็จะกลับเข้าบ้านเพื่อทำความสะอาดบ้านและจัดเตรียมอาหารเพื่อนำไปถวายพระที่วัดในวันรุ่งขึ้น และที่เป็นประเพณีปฏิบัติทุกปี เมื่อถึงวันสงกรานต์ก็คือ การออกไปสรงน้ำพระในขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณีในวันที่ 13 เมษายน และในปีนี้ก็ เช่น กันขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ จะเริ่มต้นที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ในขบวนแห่มีพระพุทธรูปที่สำคัญๆของเชียงใหม่เข้าร่วมขบวนมากมายในพิธี เช่น พระพุทธเสตังคมณีหรือพระแก้วขาว พระเจ้าฝนแสนห่า พระศิลา เป็นต้น ในช่วงบ่ายผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในการกล่าวคำอาราธนาองค์พระพุทธสิหิงค์ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนออกจากหน้าสถานีรถไฟไปตามถนนเจริญเมืองผ่านสะพานนวรัฐ ถนนท่าแพแล้วเลี้ยวเข้าสู่ ถนนราชดำเนินไปสิ้นสุดที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เพื่อให้ประชาชนตลอดเส้นทางทั้งสองฝั่งได้สักการะสรงน้ำขมิ้นส้มป่อยอยู่ที่วัดนี้

ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ จะมีรถอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญจากหัววัดต่าง ๆ ในเชียงใหม่ตามหลังรถบุษบกที่อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ เพื่อให้ชาวเชียงใหม่ได้ร่วมสรงน้ำพระ ในขบวนยังมีขบวนตุง หมากสุ่ม หมากเบ็ง มีการแห่เครื่องดนตรีพื้นเมือง เช่น กลองสะบัดชัย กลองปู่แจ่ และยังมีขบวนสาวงามฟ้อนเล็บและศรัทธาจากหัววัดเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

พระพุทธเสตังคมณี พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ที่สำคัญองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่นนั้น ชาวบ้านเรียกว่า พระแก้วขาว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแกะจากผลึกหินสีขาวขุ่น ขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้วสูง 6 นิ้ว ตามตำนานกล่าวว่า แต่เดิมองค์พระแก้วขาวประดิษฐานอยู่ที่กรุงละโว้ ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 13 เมื่อพระนางจามเทวี พระราชธิดาของพระเจ้าละโว้เสด็จขึ้นมาเป็นกษัตริย์ครองนครหริภุญไชย พระองค์ได้ทูลขอพระแก้วขาวมาประดิษฐานไว้ที่เมืองหริภุญไชยด้วย เพื่อทรงเคารพบูชาเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ ต่อมาในสมัยของพญายีบา พญามังราย ได้ยกทัพไปตีเมืองหริภุญไชยและเกิดความเลื่อมใสในพุทธานุภาพของพระแก้วขาวเป็นอันมาก จึงได้ทรงอัญเชิญพระแก้วขาวมาไว้เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ตั้งแต่นั้น และเมื่อทรงสร้างเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงนำพระแก้วขาวมาประดิษฐานไว้ที่วัดเชียงมั่นเป็นปฐมอารามจนสิ้นรัชกาล

ในสมัยของพระเจ้าติโลกราช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย เมื่อทรงได้ปฏิสังขรณ์วัดเจดีย์หลวงกลางเวียงเชียงใหม่ แล้วทรงอาราธนาพระแก้วขาวไปประดิษฐานคู่กับองค์พระแก้วมรกตในหอพระแก้ว ณ ราชกุฏาคารวัดเจดีย์หลวง กระทั่งสมัยพระยอดเชียงราย พระราชนัดดาของพระเจ้าติโลกราชมีพระภิกษุนามว่าสุริยวงศ์ได้ลอบนำพระแก้วขาวลงไปกรุงศรีอยุธยาต่อเมื่อนครเชียงใหม่แต่งราชสาสน์ไปถวายและได้แต่งทัพไปตั้งที่กรุงศรีอยุธยาได้เดือนหนึ่งจึงได้พระแก้วขาวคืนมา

สมัยพระเจ้าไชยเชษฐา ซึ่งเชียงใหม่ได้เชิญเสด็จมาแต่ล้านช้าง เพื่อเถลิงราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 14 แห่งราชวงศ์มังรายเมื่อจะเสด็จกลับบ้านล้านช้างเพื่อสืบสันติวงศ์แทนพระบิดาที่สวรรคตก็ได้ทรงนำเอาพระแก้วขาวและพระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองเชียงใหม่หลายองค์ อาทิ พระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ พระแทรกดำ กลับไปบูชายังเมืองล้านช้างด้วย หลังจากนั้นก็ไม่มีหลักแน่นอนที่บ่งบอกได้ว่า พระแก้วขาวได้กลับคืนมานครเชียงใหม่และปรดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่นตราบจนปัจจุบันได้อย่าไร
ใน ทุกปีเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนชาวเชียงใหม่และใกล้เคียงจะพร้อมใจกันออกมาสรงน้ำองค์พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเป็นประจำทุกปี ด้วยความเชื่อว่าการได้สรงน้ำพระพุทธรูปอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองในวันปีใหม่จะได้เป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว และประเพณีเหล่านี้ก็ได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานแล้วจนมิอาจจะแยกออกจากชีวิตของคนเชียงใหม่ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น