17 เม.ย.นี้ แรงศรัทธามหาชนทั่วสารทิศ หลั่งไหลเข้าสักการะ พระสรีระร่างทองคำ ครูบาขาวปี

17 เม.ย.แรงศรัทธามหาชนทั่วสารทิศ หลั่งไหลสู่วัดผาหนาม เข้าสักการะพระสรีระร่างทองคำ ครูบาขาวปี ศิษย์เอกครูบาศรีวิชัย
ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ อยู่ในช่วงปี๋ใหม่เมืองของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิด”ครูบาอภิชัยขาวปี” ศิษย์เอก “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” ครูบาต้องมลทินติดคุก ที่”จอมพลสฤษดิ์”ผู้มากล้นด้วยอำนาจยังใคร่ปรารถนามานมัสการกราบคารวะท่าน ทางวัดพระพุทธบาทผาหนาม แจ้งศิษยานุศิษย์ที่มาเป็นหมู่คณะ เมื่อจะเดินทางมากราบไหว้สักการะพระสรีระร่างทองคำ ครูบาอภิชัยขาวปี โปรดได้แจ้งให้ทางวัดทราบก่อนล่วงหน้า(ตามคิว) เพราะแต่ละวันมีคลื่นศรัทธามหาชนเป็นจำนวนมาก บริเวณพื้นที่ไม่สามารถรองรับได้

ประวัติครูบาอภิชัยขาวปี เป็นบุตรของนายเม่า และนางจันตา หล้าแก้ว เป็นชาวบ้านเชื้อสายลัวะ ชาวแม่เทย อ.ลี้ จ. ลำพูน ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 7 เหนือ ปีกัดเป้า (ปีฉลู) ซึ่งตรงกับวันที่ 17 เม.ย.2431 อันเป็นวันมหาสงกรานต์ หรือวันปากปี เพื่อให้เป็นมงคลตามวันจึงมีชื่อว่า “จำปี” หรือ “จุมปี” เมื่ออายุได้ 16 ปี มารดานำไปฝากบวชเป็นสามเณรกับครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ วัดบ้านปาง เมื่ออายุครบ 22 ปี ท่านบวชเป็นพระภิกษุ มีฉายาว่า “พระอภิชัย”

เมื่ออุปสมบทได้ 2 พรรษา จึงกราบลาอาจารย์ เพื่อมุ่งมั่นงานก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดร้างต่างๆ ตามแนวทางที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยวางไว้ ถือเป็นช่วงต้นของชีวิตพระภิกษุ ระหว่างอายุ 24 ปี จนถึงอายุ 35 ปี ที่อุทิศทุ่มเทให้แก่งานการก่อ สร้างพระอารามอย่างเต็มที่ นอกจากแถบ อ.ลี้ อ.แม่ทา อ.บ้านโฮ่ง อ.ทุ่งหัวช้าง ใน จ.ลำพูนแล้ว ยังได้เดินทางไปก่อสร้างศาสนสถานทั่วล้านนาทั้งใน จ.ลำปาง จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.สุโขทัย และข้ามเขตแดนพม่าแถบลุ่มแม่น้ำสาละวินอีกด้วย

ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ 3 ครั้ง ครองผ้าขาวอย่างชีปะขาว 3 ครั้ง ดังนี้คือ อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ครั้งแรกโดยครูบาศรีวิชัยเมื่ออายุได้ 22 ปี ที่วัดบ้านปาง ได้สมญานามว่า “อภิชัยภิกขุ “ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างกุฎีที่วัดบ้านปาง จนอายุได้ 35 ปี ถูกจับสึกจากผ้าเหลืองไปห่มผ้าขาว ด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.ลัก ษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ.124 (2448) บังคับใช้ และต้องติดคุก 6 เดือน ที่เรือนจำ จ.ลำพูน ในขณะที่ท่านถูกจองจำอยู่ในคุก ซึ่งเป็นที่ตั้งเก่าของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย (ก่อนหน้านั้นเดิมเคยเป็นวัดแสนข้าวห่อ)
ครูบาขาวปีได้เห็น รพ.จ.ลำพูน ในสมัยนั้นชำรุดทรุดโทรม ท่านจึงได้ริเริ่มสร้าง รพ.ลำพูน โดยประชาชนที่เลื่อมใสในตัวท่านทราบข่าวว่า ท่านมาเป็นประธานในการก่อสร้าง รพ. ก็พากันมาช่วยร่วมบุญอย่างคับ คั่ง จนสร้าง รพ.แล้วเสร็จ เมื่อเดือน 9 เหนือ แรม 2 ค่ำ เป็นวันที่ท่านพ้นโทษตามคำพิพากษาครบ 6 เดือนพอดี

เมื่อพ้นโทษออกจากเรือนจำแล้ว ท่านได้เดินทางไปกราบครูบาศรีวิชัย ที่วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่นี่ท่านได้รับการอุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 โดยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านอยู่จำพรรษากับครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ 1 พรรษา ก็ลาอาจารย์ไปสร้างวัดและโรงเรียนอีกหลายแห่ง ในปี 2465 ขุนระมาดไมตรี กำนันคนแรกแห่ง อ.แม่ระมาด จ.ตาก ปรารถนาจะได้พุทธรูปหินอ่อน หน้าตักว้าง 1.30 เมตร สูง 1.6 เมตร มูลค่า 800 บาท จึงได้นิมนต์ครูบาอภิชัย ไปเป็นประธานสร้างฝ่ายสงฆ์ แต่ปรากฎว่าเงินไม่พอมีแค่ 700 บาท ท่านจึงบอกบุญไปตามศรัทธา แต่มีการร้องเรียนว่าท่านเรี่ยไรเงินอันเป็นการผิดระเบียบสงฆ์ เจ้าคณะจังหวัดจึงจับท่านสึกเป็นครั้งที่ 2 ท่านกลับมานุ่งห่มสีขาวอีกครั้ง
ต่อมาไม่นาน ขณะนั้นครูบาศรีวิชัย กำลังสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ครูบาขาวปีจึงพากะเหรี่ยง 500 คน ขึ้นไปช่วยทำถนนขึ้นดอยสุเทพร่วมกับอาจารย์จนแล้วเสร็จ จึงกลับลงมาพักกับอาจารย์ที่วัดพระสิงห์ ที่วัดพระสิงห์นี้ ท่านครูบาศรีวิชัย ก็อุปสมบทให้ท่านเป็นภิกษุอีกเป็นครั้งที่ 3 การอุปสมบทครั้งนี้ ถูกดึงไปเป็นเหตุผลหนึ่งให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์อีกครั้ง ด้วยข้อหาว่าทำการอุปสมบทให้แก่ “ผ้าขาวปี๋ หรือหนานปี๋”

ซึ่งคณะสงฆ์ประกาศห้ามมิให้อุปสมบท เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเดินทางไปต่อสู้คดีที่ กทม. ครูบาอภิชัยขาวปีอยู่รักษาวัดพระสิงห์แต่เพียงผู้เดียว มหาสุดใจ วัดเกตุการาม กับพระครูวัดพันอ้นรูปหนึ่ง ถือโอกาสมาข่มขู่ให้ครูบาอภิชัยขาวปีสึกเสีย เพราะมิฉะนั้นทางการจะเอาเรื่องครูบาเจ้าศรีวิชัย ให้ติดคุกจนถึงที่สุด ด้วยจิตใจที่เป็นห่วงในตัวอาจารย์ ท่านจึงเสียสละผ้ากาสาวพัสตร์ ยอมสึกเป็นชีปะขาว และนับเป็นครั้งสุดท้ายแห่งการครองผ้าไตรจีวรของท่านตราบจนละสัง ขาร

แม้แต่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้มีอำนาจล้นเหลือในระหว่างปี 2502-2506 ได้รับทราบผลงานของท่านครูบาขาวปี ยังใคร่ปรารถนามานมัสการกราบคารวะท่าน ผู้มีใจมุ่งพัฒนา ยอมอุทิศชีวิตเพื่อพระบวรพุทธศาสนาและสังคมโดยส่วนรวม ไม่ปรารถนาผลตอบแทนแต่ประการใด
แม้ว่าท่านครูบามิได้มีสมณศักดิ์หรือสถานภาพที่สูงส่งในสังคมก็ตาม แต่ท่านจอมพลสฤษดิ์ ก็ได้ปวารณาตัวจะช่วยอุปถัมภ์ในการก่อสร้างโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลให้ครบ 100 หลัง ก่อนที่ ฯพณฯ จะถึงแก่อสัญกรรม ไม่นาน

ในปี 2514 คณะศรัทธาวัดสันทุ่งแฮ่ม จ.ลำปาง ได้มานิมนต์ท่านไปนั่งเป็นประธานในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ต่อมาคณะศรัทธาวัดต้นธงชัย จ.สุโขทัย มานิมนต์ท่านเพื่อขอความเมตตาไปเป็นประธานในการสร้างพระวิหาร ท่านเดินทางไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2520 และเมื่อไปถึงวัดท่าต้นธงชัยได้เพียงวันเดียว ท่านก็ได้มรณภาพอย่างสงบในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 เหนือ ตรงกับวันพฤหัสที่ 3 มีนาคม 2520 เวลา 16.00 น สิริรวมอายุได้ 89 ปี

ทุกวันนี้ได้เก็บพระสรีระร่างอันไม่เปื่อยไม่เน่าของท่านไว้ ณ โลงศพแก้ว ในหอปราสาทรักษาศพ จัดสร้างให้โดยครูบาวงค์ (ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา) เพื่อเก็บพระสรีระร่างของครูบาอภิชัยขาวปี ที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน และมีประเพณีเปลี่ยนผ้าห่อสรีระเป็นประจำทุกปีในวันที่ 3 มีนาคม

ทางคณะกรรมการวัดพระพุทธบาทผาหนาม ฝากแจ้งไปยังเหล่าศิษยานุศิษย์ ที่จะเดินทางมาทำบุญกราบไหว้พระสรีระร่างทองคำ ครูบาอภิชัยขาวปีเป็นหมู่คณะ ในช่วงนี้ขอให้แจ้งมายังวัดก่อนล่วงหน้า เพื่อทางวัดจะได้จัดคิวต้อนรับ ประกอบกับสถานที่ทางวัดถึงแม้จะมีบริเวณกว้างขวาง แต่ก็ไม่สามารถรองรับคลื่นศรัทธามหาชนได้ทั้งหมด ติดต่อได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 089 954 6889

ขอขอบคุณ:ปิยะนัย เกตุทอง
เสน่ห์ นามจันทร์/รายงาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น