สุดรันทด หัวอกคนเป็นแม่ วอนช่วยเหลือ หนุ่มแม่แจ่ม เสาหลักของครอบครัว ถูกรถชนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

สุดรันทด หัวอกคนเป็นแม่ วอนช่วยเหลือ หนุ่มแม่แจ่มเสาหลักของครอบครัว ถูกรถชนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
วันที่ 16 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้ทราบมาว่า ในหมู่บ้านกลางโต้ง ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีหนุ่มที่ถูกรถชน และได้เข้ารักษาตัว แต่ปัจจุบันยังเป็นเจ้าชายนิทรา โดยทราบมาอีกว่าผู้ประสบเหตุ เป็นทหารเกณฑ์ ที่ทางบ้านมีฐานะยากจน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดโชคร้าย ขณะที่เป็นพลทหารและสอบติดนายสิบแล้ว กำลังจะไปรายงานตัวถูกรถเก๋งขับพุ่งชน อาการสาหัส        กะโหลกสมองร้าวและยุบ กลายเป็นเจ้าชายนิทรา แม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบมารักษาวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ

โดยนางภัทรัช วรรณคำ หรือป้าไล อายุ 60 ปี ผู้เป็นแม่ จะค่อยดูแลเช็ดตัว เปลี่ยนผ้าอ้อม และทำกายภาพบำบัดให้กับ นายนิธินันท์ วรรณคำ อายุ 23 ปี หรือ น้องปาน ลูกชายที่นอนป่วยเป็นเจ้าชายนิทรา อยู่บนเตียงภายในห้องนอนของบ้านพัก หลังจากเมื่อวันที่ 6 ส.ค.60 เวลาประมาณเที่ยงคืน น้องปานถูกรถเบนซ์ขับพุ่งชน บริเวณถนนหน้าสวนสุขภาพมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนสลบคาที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนแพทย์ต้องผ่าตัดถึงสองครั้ง
จากการสอบถามทาง นางภัทรัช ผู้เป็นแม่ทราบว่า น้องปานเป็นเด็กดีเป็นความหวังของครอบครัวหลังจากเรียนจบ ชั้นม.ปลายได้สอบติดคณะวิศวะไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา แต่เรียนได้เพียงสองปี ต้องพักการเรียนไว้ เพื่อจะออกมาทำงานช่วยแม่หาเงิน เพราะทางบ้านมีฐานะยากจน และเมื่อเขาเปิดสอบนักเรียนพลตำรวจที่ จ.ลำปาง น้องปานได้เดินทางไปสอบติดอันดับที่ 14 แต่การทดสอบทางสายพบว่ามีปัญหาตาบอดสีจึงสอบไม่ติด แต่ต่อมามีการคัดเลือกทหารเกณฑ์ น้องปานจึงได้สมัครเข้าไปเป็นเพื่อที่จะปูทางไว้สอบนายสิบ และได้เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่ายกาวิละ กระทั่งเปิดสอบนายสิบ น้องปานจึงได้เข้าสอบ และสอบติดเตรียมจะไปรายงานตัวในเดือนพฤศจิกายน 2560 แต่ก็มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน

โดยก่อนหน้าที่น้องปานจะประสบอุบัติเหตุ น้องปานโทรมาหาตน และพูดว่าแม่ ปานใกล้จะปลดจากการเป็นทหารเกณฑ์แล้ว จะได้ไปเรียนนายสิบ จบออกมาจะได้ช่วยแม่ทำงานหาเงินใช้หนี้ ที่ไปกู้ยืมมาส่งเสียปานเรียน แต่น้องก็ไม่สามารถทำตามความฝันได้โชคร้ายมาประสบอุบัติเหตุก่อน แม่ต้องพาน้องปานไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดยใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค จนแพทย์ให้น้องปานย้ายมาพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ค่ายกาวิละ ใช้สิทธิ์พลทหาร
กระทั่งถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2561 น้องปานปลดประจำการ ทางแพทย์จึงอนุญาตให้นำตัวกลับพักรักษาต่อที่บ้าน ทำให้ทุกวันนี้ทั้งผู้เป็นแม่ และน้องปานต่างรับความลำบากเนื่องจากทุกๆ เดือนแพทย์จะต้องนัดน้องปานมาดูอาการ บางเดือนต้องพบแพทย์ถึงสองครั้ง ทำให้แม่ต้องไปกู้ยืมเงินกลุ่มแม่บ้าน / เงินกองทุนและเงินนอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาน้อง / รวมไปถึงค่ายา / ค่าอาหารเสริมที่ให้อาหารท้องช่องท้อง / ค่าผ้าขนหนู ที่ต้องเช็ดตัวน้องปาน เนื่องจากแพ้แพมเพริสถ้าใส่นานๆ จะทำให้ผื่นขึ้นและอาจเป็นแผลกดทับ จากเดิมที่นางภัทรัช มีอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณ
ทั้งนี้หลังน้องป่วยเป็นเจ้าชายนิทรา ก็ไม่สามารถออกไปรับจ้างนวดได้ เพราะต้องค่อยดูแลบุตรชายอย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องค่อยดูดเสมหะที่ติดคอ และค่อยดูอาการชักเกร็งถ้าหากมีอาการร้อนจัด เนื่องจากเซลล์สมองตาย ทุกวันนี้มีเงินรายได้จากเบี้ยคนพิการของปาน เดือนละ 800 บาทเท่านั้น และที่ผ่านมาได้ยื่นเรื่องขอเงินสงเคราะห์ไปที่ พม.จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านมาสองเดือนกว่าแล้วแต่เรื่องยังเงียบ ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการไปหาหมอในตัวเมืองเชียงใหม่ รวมไปถึงค่ารถ ไป-กลับ ครั้งละประมาณ 2,000 กว่าบาท บางครั้งมีเพื่อนบ้าน และญาติพี่น้อง พากันเรี่ยไรบริจาคให้เพราะสงสารน้องปาน

ดังนั้นตนจึงขอวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือน้องปานด้วย เพราะตนเชื่อว่าหากมีเงินและได้รับการรักษาที่ดีใกล้ชิดแพทย์ตลอด น้องปานอาจมีโอกาสหายเป็นปกติ เนื่องจากเวลาที่ตนพูดกับลูกชายยังมีอาการตอบสนอง น้ำตาไหลเหมือนรับรู้สิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่ ทั้งนี้สำหรับผู้ใจบุญท่านใดต้องการช่วยเหลือน้องปาน สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือน้องได้ที่ บัญชี นางภัทรัช วรรณคำ หมายเลขบัญชี 279-2-21664-6 ธนาคารกสิกรไทย สาขาช้างเผือก เชียงใหม่หรือติดต่อสอบถามให้ความช่วยเหลือครอบครัวน้องปานได้ที่หมายเลข 093-246-7004 แม่ของน้องปาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น