เกิดอุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสารบริษัทดัง มุ่งหน้า จ.เชียงใหม่ ชนหกล้อและรถกระบะ ผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อย

เกิดอุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสารบริษัทดัง มุ่งหน้า จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุชนหกล้อ และรถกระบะ ผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อย คาดคนขับอาจขับด้วยความเร็ว

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.61 ร.ต.อ.โอภาศ มะโนเมือง รอง สว.สส.สภ.เมืองลำพูน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถทัวร์ชนกับรถบรรทุกหกล้อ และรถกระบะ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงเร่งไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย จนท.กู้ชีพ กู้ภัย หลายหน่วยงาน ได้เข้าตรวจสอบ ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุรถทัวร์โดยสารของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เกิดเสียหลังชนรถบรรทุกหกล้อและรถกระบะ บนถนนทาหลวงหมายเลข 11 เชียงใหม่-ลำปาง บริเวรแยกเทคโนหมู่บ้านครูภาคเหนือ จ.ลำพูน จุดเกิดเหตุ จนท.กู้ภัยได้เร่งให้การช่วยเหลือ ผู้โดยสาร ซึ่งทราบว่ามีทั้งหมด 33 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ แบ่งเป็น ชาย 17 ราย หญิง 16 ราย รถทัวร์ ผู้โดย สารรถทัวร์ 25 ราย พนักงานบนรถทัวร์ 3 ราย รถบรรทุกหกล้อ แบ่งเป็นชาย 3 ราย รถกระบะสี่ล้อ แบ่งเป็น ชาย 2 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 3 ราย นำส่ง รพ.หริภุญชัย คนขับรถทัวร์เจ็บ 2 ราย รถกระบะสี่ล้อ 1 ราย ทราบชื่อผู้ขับขี่รถหกล้อ หมายเลขทะเบียน 81-6943 เชียงใหม่ ซึ่งมีนายพนม บุญอ้าย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 14 ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ได้เล่าว่าตนเองขับรถไปส่งของ ในเขตนิคมลำพูน พอมาถึงที่เกิดเหตุช่วงเวลานั้น มีการสร้างทางทำให้รถช้าตัวลง ตนก็ชะลอรถตามปกติแต่รถทัวร์มาด้วยความเร็ว ไม่ได้เบรคจึงจนท้ายรถที่ตนเองขับอยู่ จนทำให้รถของตนไปชนเข้ากับ รถกระบะอีกคัน โดยมีนายสันติ หลายแปด อายุ 36 ปี หมายเลขทะเบียน บว.6434 ลำปาง ได้รับความเสียหาย ส่วนรถทัวร์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินรถสายอุบลราชธานี-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-6165 อุบลราชธานี ชึ่งคนขับรถทัวร์ และพนักงานบนรถทัวร์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า รถทัวร์โดยสารคันดังกล่าววิ่งเส้นทางอุบลราชธานี-เชียงใหม่ โดยได้เดินทางจาก อุบลราชธานี มาตั้งแต่เวลาประมาณ 09.20 น. เมื่อวานขณะขับรถมา ก่อนถึงแยกเทคโนหมู่บ้านครูภาคเหนือ ลำพูน รถเกิดเสียการทรงตัวเบรคไม่อยู่ ก่อนที่จะเสียหลักชนรถบรรทุกหกล้อ และด้านหน้ารถพังยับเยิน กระทั่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุคาดว่า คนขับรถอาจจะขับมาด้วยความเร็ว จึงทำให้เบรกไม่ทัน ทาง จนท.ตำรวจจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง