ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 บูรณาการปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ

เปิดโครงการ “ส่งเสริมการประสานความร่วมมือ ด้านการยุติธรรมของหน่วยงาน ในกระบวน การยุติธรรม ในเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 5 บูรณาการความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.61 ที่ห้องประชุม โรงแรมแคนทารี่ฮิลล์เชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 เป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ในเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561”

 

นายวีระพงศ์ สุดาวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 5 เป็นผู้กล่าวรายงานว่า ด้วยปัจจุบันประชาชนเกิดการตื่นตัว ที่ได้รับรู้ว่ามีศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 5 ซึ่งสามารถปลดเปลื้องทุกข์ อันเกิดจากการปฏิบัติงานนอก ระบบระเบียบของ จนท.ของรัฐเกิดขึ้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย หากแต่ จนท.ของรัฐไม่มีความยำเกรงต่อกฎหมาย หรือผู้บังคับบัญชา มิได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง การทุจริตและประพฤติมิชอบย่อมมีผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงทางสังคม เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของแผ่นดิน
ในการนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ได้เล็งเห็นว่าการที่ศาล จะดำเนินการไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงแบบสิ้นสงสัยอย่างรวดเร็ว อันเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อาทิ เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ท. อัยการ ตำรวจ ทนายความ โดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยงานฝ่ายบริหารในส่วนภูมิภาค อันได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ในส่วนภูมิภาคอันเป็นกลไกสำคัญในการกำกับดูแล และบังคับบัญชาให้มีการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ก่อเกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นธรรมในสังคม และมีหน้าที่สำคัญในการนำภารกิจของรัฐและนโยบายของรัฐบาล หรือคำสั่งด้านมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบไปปฏิบัติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์

“การจัดโครงการในครั้งนี้ เป็นการเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นระหว่างศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 กับผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในเขตศาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานราชการในส่วนภูมิภาค และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในเขตศาล ได้ร่วมกันบูรณาการความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และเข้าใจบทบาทหน้าที่ของ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ตลอดจนร่วมเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา ข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามภารกิจและนโยบายของรัฐด้านมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมถึงการให้ความร่วมมือกับศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 5 โดยการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และปฏิบัติตามคำสั่งศาลตามพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 ได้อย่างรวดเร็ว ตรงประเด็น บรรลุผลตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้ง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 กล่างอีกว่า ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 35 คน 9 หน่วยงาน ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตอำนาจ 8 จังหวัด, สำนักงานอัยการภาค 5, สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 5, ตำรวจภูธรภาค 5, ตำรวจภูธรจังหวัดในเขตอำนาจ 8 จังหวัด, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 5, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภาค 5, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดในเขตศาล, ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 และมีผู้สังเกตการณ์จากสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน 4 ท่าน นายวีระพงศ์ สุดาวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น