ไทยแชมป์โลก!! แซงลิเบีย ยึดแน่นแชมป์เอเชียหลายสมัย ที่ไม่น่าภาคภูมิใจ

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประเทศไทยมีสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยตัวเลขอัตราการเสียชีวิต 36.2 ต่อประชากร 100, 000 คน เป็นรองเพียงประเทศลิเบีย ที่มีอัตราการเสียชีวิต 73.4 ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนประเทศที่ตามมาได้แก่ ประเทศมาลาวี ไลบีเรีย และคองโก ที่มีอัตราการเสียชีวิต 35.0 33.7 และ 33.2 ต่อประ ชากร 100,000 คน ตามลำดับ

ล่าสุดมีรายงานจากการเปิดเผยของเว็บไซต์เวิลด์แอตลาส เกี่ยวกับประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุดในโลกปี 2560 ปรากฎว่า ประเทศไทยได้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก มีอัตราผู้เสียชีวิต 36.2 รายต่อแสนประชากร จากเดิมที่รั้งอันดับ 2 เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่า ประเทศลิเบียเจ้าของตำแหน่งเดิมมีการสู้รบภายในประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขับขี่แต่อย่างใด

นอกจากการเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ รกจักรยานยนต์ทั่วๆไปแล้วในแต่ละวัน โดยเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุจากรถบรรทุกหกล้อ, สิบล้อ ,18 ล้อและรถพ่วงท้าย ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเช่นกัน มีข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับจุดบอดของรถบรรทุกที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติบนท้องถนน ซึ่งจุดบอดของรถบรรทุกที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุนั้น มี 4 จุดด้วยกันดังนี้

จุดที่ 1 ด้านหน้ารถ หากเป็นเด็กเล็กยืนบริเวณหน้ารถตรงเงาดำ ก็จะทำให้คนขับไม่เห็นเด็ก หรือแม้กระทั่งเป็นรถยนต์คันเล็กคนขับรถบรรทุกก็ไม่สามารถมองมองเห็นได้ อย่างชัดเจน ดังนั้นคนขับรถบรรทุก จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า 3-4 ช่วงคันของรถยนต์
จุดที่2 ด้านขวาตรงเงาดำของรถบรรทุก คนขับรถบรรทุกก็จะไม่สามารถมองเห็นรถที่วิ่งขนาบข้างมาทางด้านขวา ซึ่งเขาจะเห็นก็ต่อเมื่อเราขับรถเลยหน้าเขาหรือเทียบเท่าหน้ารถ ดังนั้นเป็นไปได้เราควรขับรถให้ห่างจากบริเวณนี้
จุดที่ 3 ฝั่งซ้ายของรถบรรทุก ฝั่งนี้เป็นฝั่งที่น่ากลัวที่สุด เนื่องจากเป็นมุมที่คนขับมีโอกาสเห็นรถคัน อื่นได้น้อยมาก และจะเห็นก็แค่เพียงมุมเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้นคนขับรถบรรทุกและคนที่ขับรถมาข้างๆ รถบรรทุกควรระมัดระวังให้มาก หรือเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงการขับรถขึ้นมาชิดบริเวณดังกล่าว
จุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายคือด้านหลังหลังรถบรรทุก ซึ่งคนขับรถบรรทุกก็จะไม่เห็นด้านหลังอย่างแน่ นอน ดังนั้นผู้ที่ขับรถยนต์ตามหลังรถบรรทุก จึงควรเว้นระยะห่างของรถไว้อย่างน้อย 20-25 คันของระยะรถยนต์ ผู้ขับขี่รถยนต์และรถบรรทุก จึงควรศึกษาเหล่าบรรดาจุดเสี่ยงเหล่านี้เพื่อ หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติ เหตุ และเพื่อความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตตนเอง และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน

ร่วมแสดงความคิดเห็น