“มะม่วง-ผักคะน้า”บ้านโฮ่งกระอักเลือด!! ไม่มีพ่อค้ารับซื้อ ปล่อยเน่าคาสวนนับร้อยๆ ไร่

ในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวมะม่วงออกสู่ท้องตลาด ซึ่งอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เป็นแหล่งผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ทางเกษตรกรมีการปลูกพืชสวน-พืชไร่ แบบผสมสานแทบทุกชนิด เช่น ลำไย หอม กระเทียม พืชผักต่างๆและมะม่วงพันธุ์ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรากฎว่าในช่วงนี้ราคามะม่วงตกต่ำสุดขีดชนิดที่ว่าไม่มีพ่อค้าคนกลางออกมารับซื้อกันเลย ถ้าซื้อตกพันธุ์ดีทุกชนิดอยู่แค่กิโลกรัมละ 1 บาทเท่านั้น ต่างพากันขาดทุนกันอย่างย่อยยับ

จึงทำให้เจ้าของสวนมะม่วงไม่มีใครเก็บผลผลิตขาย เนื่องจากไม่คุ้มกับค่าแรงงานปล่อยให้มะม่วงเน่าและล่วงหล่นลงพื้นดิน ชาวสวนบางรายเสียดายมะม่วงจึงมีการนำมะม่วงสุกมาแปรรูป เป็นมะม่วงแผ่นตากแห้ง มีพ่อค้ามารับซื้อ กิโลกรัมละ 100 บาท แต่ก็ไม่คุ้มทุนการผลิตเช่นเดียวกัน
นอกจากราคามะม่วงตกต่ำแล้ว ยังมีเกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้าต้องระทมกับราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน พื้นที่ปลูกผักคะน้าที่ บ้านห้วยแทง ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน รวมแล้วหลายๆสิบไร่ ชาวสวนเก็บขายก็ไม่คุ้มทุน จึงปล่อยให้ผักคะน้าแก่คาสวน ต่างขาดทุนอย่างย่อยยับเช่นกัน
“ส่วนผู้ที่ปลูกคะน้ารุ่นใหม่ยอมกัดลิ้นตัวเอง หวังว่าผักคะน้าจะมีราคาในวันข้างหน้า ได้ว่าจ้างแรงงานชาวกะเหรี่ยง จากบ้านห้วยโทกในหมู่บ้านตำบลเดียวกัน มาถอนวัชพืชออกจากแปลงผักคะน้าในค่าจ้างวันละ 300 บาท/คน”
นางวรรณา แก้วคำ ชาวสวนต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง เล่าว่าแต่เดิมนั้นมีอาชีพปลูกหอม-กระเทียม แต่ปรากฎว่าราคาตกต่ำขาดทุนต่อเนื่องทุกปี จึงหันมาปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบผสมผสาน มีทั้งปลูกลำไย มะม่วง หน่อไม้ เป็นสัดส่วนในพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ปีแรกเก็บเกี่ยวผลผลิตมะม่วงขายได้ 150,000 บาทถือว่าขายได้กำไรดี ปีที่ 2 ขายได้ 80,000 บาท ปีที่ 3 ขายได้ 50,000 บาท ปีที่ 4 (2560) ขายได้ 30,000 บาท พอมาปีนี้ 2561 ปรากฎว่าราคามะม่วงตกต่ำสุดขีดไม่มีพ่อค้าคนกลางออกมารับซื้อเลย ถ้ามีพ่อค้าซื้อก็แค่กิโลกรัมละ 1 บาท ทั้งที่มะม่วงแต่ละพันธุ์ที่ขึ้นชื่อล้วนมีคุณภาพดีทั้งนั้น จึงไม่เก็บมะม่วงขายเลยเพราะไม่คุ้มกับค่าแรงงาน รวมกับชาวสวนคนอื่นๆปล่อยให้มะม่วงเน่าคาสวนรวมกันแล้วในพื้นที่ อ.บ้านโฮ่ง นับเป็นร้อยๆไร่กันทีเดียว

ร่วมแสดงความคิดเห็น