สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และคณะผู้บริหาร-คณาจารย์ ออกแถลงการณ์ กรณีถูกกล่าวหาขาดหลักธรรมาภิบาล

สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และคณะผู้บริหาร-คณาจารย์ ออกแถลงการณ์ กรณีถูกกล่าวหาขาดหลักธรรมาภิบาล ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของ สกอ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูล ทั้งเรื่องนำรถยนต์หลวงและพนักงานขับรถไปทอดผ้าป่าของมหาวิทยาลัย ส่วนประเด็นการร้องเรียน ป.ป.ช.อยู่ในระหว่างดำเนินการ หากระบุว่าอธิการบดีผิดก็จะไม่ปกป้อง ด้านศิษย์เก่าแม่โจ้ ขอร้องกลุ่มที่ร้องเรียนและผู้อยู่เบื้องหลังให้ยุติการกระทำให้ร้ายป้ายสีสถาบัน ทำลายภาพลักษณ์ความสามัคคีของชาวแม่โจ้เสียหาย และเตรียมฟ้องดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนทางโซเซียลด้วยเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 4 มิถุนายน 2561 ที่ห้องประชุมตึกอธิการบดี ชั้น 5 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ รศ.ดร.วีรพล ทองมา เลขานุการสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ ผศ.พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดี ผศ.ดร.ประสิทธิ์ โนรี นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และนายอภิสิทธิ์ เสนามาตย์ นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมแถลงการณ์ชี้แจง พร้อมกันจับมือทำเอ็มโอยู.ร่วมกัน 4 องค์กร เพื่อปกป้องชื่อเสียงมหาวิทยาลัย โดยมีคณบดี ผอ.สำนัก คณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่า และสื่อมวลชนร่วมฟังจำนวนมาก ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการแถลงของสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ถึงการดำเนินการของสภามหาวิทยาลัย หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่าสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยขาดหลักธรรมาภิบาล กล่าวหาว่าอธิการบดีนำรถยนต์หลวงไปใช้ในการทอดผ้าป่าส่วนตัว และใช้พนักงานขับรถหลวงจ่ายค่าตอบแทนด้วยเงินหลวงนั้น สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้ส่งเรื่องให้สภามหาวิทยาลัยตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ก็อยู่ในระหว่างการสอบสวน ยังไม่ได้ระบุความผิด

แต่ปรากฏว่า ในระหว่างดำเนินการเรื่องนี้ มีผู้ไม่หวังดีไปให้ข้อมูลแก่สื่อออนไลน์ และมีการโพสต์-แชร์ไปกว้างขวางว่า สภาและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ขาดหลักธรรมาภิบาล เสนอให้ รมว.ศึกษาธิการใช้ ม. 44 เพื่อควบคุมการบริหาร การให้ร้ายป้ายสีดังกล่าว ทางสภามหาวิทยาลัย ฝ่ายบริหาร ตลอดถึงศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่าเห็นว่าไม่ถูกต้อง เป็นการจงใจทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเสียหาย ในขณะที่ใกล้จะเปิดเทอมใหม่ อาจมีผลต่อการเข้าใจผิดของนักศึกษาใหม่ด้วย

ทั้งนี้ รศ.ดร.วีระพล ทองมา กล่าวว่า เหลังจาก สกอ.ให้สภามหาวิทยาลัยสอบสวนเรื่องนี้ ก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขากบุคคลภายนอกมาไต่สวนข้อเท็จจริง ผลออกมาคือไม่มีมูล ซึ่งผลการพิจารณาดังกล่าวสภามหาวิทยาลัยก็ได้เห็นชอบด้วยแล้ว พร้อมกันแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปให้ สกอ. และ ป.ป.ช.ทราบแล้ว “กรณีดังกล่าวได้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของ ป.ป.ช. รวมทั้งทาง สกอ.จึงเป็นอำนาจของ ส.ป.ช.ที่จะตัดสินอย่างไร สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ แต่สภามหาวิทยาลัยก็ยินดีและให้ความร่วมมือเมื่อ ป.ป.ช.ร้องขอเอกสารหรือข้อมูลอื่นใดที่จะมีผลต่อการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งถ้าผลออกมาว่าอธิการบดีมีความผิด ทางสภามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ปกป้อง ส่วนที่มีผู้กล่าวหาว่าสภาขาดหลักธรรมาภิบาลนั้น นายกสภาฯได้ให้ประกาศยืนยันว่าพร้อมจะให้ตรวจสอบได้ทุกกรณีเช่นเดียวกัน” รศ.ดร.วีระพล ทองมา กล่าว

เลขานุการสภามหาวิทยาลัย กล่าวอีกว่า ตามที่ได้มีการเสนอข่าวของสื่อต่างๆ โดยอ้างว่ามีบุคลากรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นผู้ให้ข้อมูลดังปรากฏเป็นข่าวที่นำเสนติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวหามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับธรรมาภิบาลในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นการนำเสนอเพียงด้านเดียว อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพพจน์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งสภาและผู้บริหารได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปครั้งก่อนแล้ว วันนี้จึงเชิญตัวแทนทั้ง 4 องค์กร คือ สภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการผู้บริหาร สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาร่วมกันแสดงจุดยืน ประกาศเจตนารมณ์ ซึ่งความถูกต้องและเป็นธรรม เพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งมั่นในเกียรติภูมิของลูกแม่โจ้ และจะร่วมกันดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี รวมตลอดถึงบุคคลที่ไม่มีตัวตนแอบอ้างความเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย และผู้แสดงข้อความที่บิดเบือนซึ่งไม่เป็นความจริงกล่าวหาทางจดหมายอิเล็คทรอนิคส์สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย พร้อมนั้นทั้ง 4 องค์กรจะร่วมกันรักษาชือ่เสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย และการมีส่วนร่วม ในความรักความสามัคคีที่สืบทอดเป็นประเพณีดีงามมายาวนาน ดังคำที่ว่า “เลิศน้ำใจ วินัยดี เชิญดูประเพณี สามัคคีอาวุโส”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงการณ์แล้ว ดร.สุดเขด สกุลทอง ผู้ช่วยอธิการบดีฯในฐานะผู้ดำเนินการได้เปิดโอกาสให้คณาจารย์ ศิษย์เก่า และสื่อมวลชนซักถาม เมื่อรวมความโดยสรุป ต่างเห็นว่าการที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอาจจะเป็นศิษย์เก่าหรือไม่ใช่ศิษย์เก่าหรือเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้กระทำก็ดี ขอให้ยุติการกระทำ เพื่อไม่ทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเสียหาย ยิ่งการไปเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการใช้ ม.44 เข้ามาควบคุมการบริหารมหาวิทยาลัยก็จะเสียหายไปใหญ่โต

กรณีผู้กระทำหากเป็นศิษย์เก่าก็ขอให้หยุดการกระทำสิ่งที่ไม่ดีได้แล้ว หันมาร่วมกันเชิดชูเกียรติภูมิและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยดีกว่า ส่วนผลของการพิจารณาของ ป.ป.ช.ว่าจะผิดหรือไม่ผิดอย่างไรให้ว่าไปตามกระบวนการ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันเดียวกันนี้ มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยนำโดย อ.รชฏ เชื้อวิโรจน์ รองอธิการบดีฯได้ไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผบ.มทบ.33 เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีมีผู้ให้ข่าวบิดเบือน และให้ร้าย สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วย.

ร่วมแสดงความคิดเห็น