กลุ่มเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อย ชม. รวมตัว ยื่นหนังสือถึงนายก

กลุ่มเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อย ชม. รวมตัว ยื่นหนังสือถึงนายก ขอความช่วยเหลือ กรณีถูก จนท.ไล่บี้จับดำเนินคดีผิด พ.ร.บ.โรงแรม 2547

ช่วงบ่ายวันที่ 7 มิ.ย.61 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้ประกอบกิจการเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อยในตัวเมืองเชียงใหม่ นำโดย นายวีระวิทย์ แสงจักร พร้อมพวกรวมประมาณ 100 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 โดยถูกเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันเข้าตรวจสอบและจับกุมดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เวลานี้ต้องพากันหยุดให้บริการเกือบทั้งหมด ซึ่งข้อเรียกร้องเบื้องต้นขอให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายและจับกุมผู้ประกอบการไว้ก่อน แล้วแก้ไขปัญหาด้วยการออกกฎกระทรวงมาบังคับใช้ในการควบคุมผู้ประกอบการเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อย เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งผู้ประกอบกิจการพร้อมที่จะปรับปรุงและปฏิบัติตาม โดยเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้รับหนังสือดังกล่าวไว้ โดยทาง นายวีระวิทย์ เปิดเผยว่า การรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบกิจการเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อยเพื่อยื่นหนังสือในครั้งนี้เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและต้องการขอความเห็นใจ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยยอมรับว่ามีการละเมิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนา เนื่องจากกิจการเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ทำกันในครอบครัวมานาน 20-30 ปี แล้ว ตั้งแต่ที่ยังใช้ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2503 ซึ่งเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อย ยังอยู่ในหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย กระทั่งมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ทำให้กลายเป็นผิดกฎหมายไปโดยปริยาย เช่น การบังคับให้ต้องมีพื้นที่สีเขียว 15%ของพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริงยากที่จะแก้ไขเพราะส่วนใหญ่เป็นที่พักขนาดเล็กที่แทบจะไม่มีพื้นที่เหลืออยู่แล้ว และไม่มีเงินทุนมากมาย เป็นต้น จึงอยากวิงวอนขอความเห็นใจจากภาครัฐให้เข้าใจและแบ่งแยกประเภทของที่พัก เพราะที่พักรายย่อยย่อมจะไม่สามารถปฏิบัติตามในหลายเรื่องได้อย่างรายใหญ่ที่เงินทุนมหาศาล นายวีระวิทย์ ระบุอีกว่า การใช้ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 แต่เพียงอย่างเดียวควบคุมบังคับใช้กับที่พักทุกขนาดน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพราะที่พักมีหลายขนาด กฎหมายดังกล่าวในส่วนของโรงแรมขนาดใหญ่หรือโรงแรมใหม่ที่มีเงินทุนมากอาจจะสามารถปฏิบัติตามได้ แต่สำหรับที่พักรายย่อยแล้ว เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ซึ่งทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างที่ต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้ ทั้งนี้ทางออกเบื้องต้นที่อยากจะวิงวอนร้องขอจากทางภาครัฐคือ ขอให้ผ่อนผันการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวกับผู้ประกอบกิจการเกสต์เฮ้าส์และที่พักรายย่อยออกไปก่อน แล้วพิจารณาทบทวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน จากนั้นออกกฎหมายหรือกฎระเบียบออกมาบังคับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ซึ่งผู้ประกอบกิจการพร้อมที่จะปฏิบัติตาม อย่างน้อยน่าจะทำให้กิจการอย่างน้อย 70-80% ยังคงอยู่รอดได้ แต่หากไม่มีการช่วยเหลือใดๆ เชื่อว่าธุรกิจนี้ที่ถือว่าเป็นธุรกิจชุมชนคงจะต้องล่มสลาย รวมทั้งจะส่งผลกระทบไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ทั้งระบบด้วย จึงอยากจะขอความเห็นใจอย่างยิ่ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น