เจ้าหน้าที่เข้าตรวจร้านขายไม้ประดิษฐ์จากไม้หวงห้าม ตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจร้านขายไม้ประดิษฐ์จากไม้หวงห้าม ร้านเดิมปิดกิจการย้ายมาเปิดร้านใหม่ที่ตึกข้างๆ แต่ไม่จดทะเบียนขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจยึดของกลางจำนวนมาก พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทันที

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 7 มิ.ย.61 เจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือ กรมป่าไม้ โดยการอำนวยการของนายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือกรมป่าไม้ สั่งการให้ นายเจษฎา เอนกคณา หัวหน้าสายตรวจฯสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.4บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ที่ ลป.18(แม่เรียง) เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เกาะคา ทหารชุด ชป.ข่าว มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ประจำที่ว่าการอำเภอเกาะคา ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา เข้าตรวจสอบร้านรุ่งโรจน์พาณิชย์ ร้านไม้ประดิษฐ์ที่ขายวงกบ ประตูหน้าต่าง บานฉลุลายไทย ตั้งอยู่เลขที่ 510/1 และ 510/2 ถนนพหลโยธิน บ้านศาลาชัย หมู่ 2 ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ฝั่งขาเข้าเมืองลำปาง หลังจากได้รับการร้องเรียนว่าร้านดังกล่าววางขายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง และอาจมีการนำสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น ไม้เถื่อนมาซุกซ่อนไว้

จากการเข้าตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ร้านค้าดังกล่าวเป็นตึกแถว 2 ชั้น 2 คูหาติดกัน ได้มีการนำไม้มาวางขายที่หน้าร้าน พบชายสูงวัยอ้างว่าตนเองเป็นผู้ดูแลร้าน ส่วนเจ้าของร้านได้ไปบวชปฏิบัติธรรมอยู่ต่างจังหวัด และได้นำเอกสารในการขออนุญาตค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู แต่ปรากฏว่าได้ขออนุญาตเป็นเลขที่คูหาเดิมซึ่งถือว่าปิดกิจการไปแล้ว อีกทั้งหนังสือขออนุญาต ดังกล่าวหมดอายุเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา แต่กลับเอาสิ่งประดิษฐ์จากไม้หวงห้ามมาวางขายอีกคูหาหนึ่ง ซึ่งตามกฎหมายจะต้องยื่นจดทะเบียนขออนุญาตตามเลขที่ของคูหาที่วางจำหน่าย ดังนั้นถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายชัดเจน

และเมื่อสอบถามถึงหนังสือหรือใบคุมไม้แปรรูป ทางผู้ดูแลร้านแจ้งว่าไม่มีเอกสารดังกล่าว ซึ่งอาจจะอยู่กับเจ้าของร้านแต่ไม่สามารถติดต่อประสานเจ้าของร้านได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดลำปาง ขอข้อมูลการขออนุญาต พบว่าไม่มีการเข้ามาขออนุญาตแต่อย่างใด จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดทันที พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะคาดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้เจ้าของร้าน ไปหาหลักฐานที่มาที่ไปของไม้ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 3 วัน และหากไม่มีมาแสดงก็จะเพิ่มข้อกล่าวหา พ.ร.บ.ป่าไม้เพิ่มเติมอีกหลายกระทง

ร่วมแสดงความคิดเห็น