ตกใจ!! ล้อมรั้วที่ดินของตัวเอง แต่ชาวบ้านขัดขวางอ้างทำกินมาหลายปี เจ้าของโฉนดร้องศูนย์ดำรงธรรมแก้ไขด่วน

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2561 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูน นายเจิดศักดิ์ เปลี่ยนแปลงศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูน ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนางศิริพร โอ่รัก ซื้อที่ดินมีโฉนดอยู่ ต.หนองปลาสวาย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน จำนวน 31 ไร่ 1 งาน 77 ตรว. หลังจากที่ซื่อที่ดินมาหลายปีได้พยายามเข้าไปรังวัดที่ดินก็พบปัญหาว่ามีชาวบ้านที่เป็นผู้บุกรุกเข้าไปทำกิน จนมีเรื่องร้องเรียนไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมมาแล้ว และล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้ตั้งใจจะรังวัดที่ดินแล้วล้อมรั้ว พบว่ามีชาวบ้านประมาณ 5 รายซึ่งเป็นผู้บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวพร้อมมวลชนออกขัดขวางอีก เจ้าของโฉนดที่ดินดังกล่าวจึงได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน และได้ทำหนังสือถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูนในวันที่ 18 มิ.ย.นี้อีกครั้ง
ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูน ได้เชิญนายสุวิชัย สินบังเกิด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร และนางศิริพร โอ่รัก เจ้าของที่ดินที่ร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูนเข้าประชุมหาแนวแทงแก้ไขปัญหาปัญหาร่วมกัน ซึ่งนางศิริพร โอ่รัก กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ แต่เป็นห่วงเพียงกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ขอให้ความเป็นธรรมกับตนด้วยทางนายเจิดศักดิ์ เปลี่ยนแปลงศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวว่า เจ้าของโฉนดที่ดินดังกล่าว ถือว่ามีสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมาย การดำเนินการต่อไปในขั้นตอนของศูนย์ดำรงธรรมจะทำงานตามขั้นตอน คือประสานลงไปในระดับอำเภอเพื่อทำงานแบบบูรณาการ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
นายสุวิชัย สินบังเกิด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การตรวจสอบโฉนดที่ดินเจ้าของที่ดินซื้อมาถูกต้อง และแจ้งที่ดินจะลงพื้นที่รังวัดที่ดินก็จัดเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่มีชาวบ้าน 5 ราย มาคัดค้านสิทธิ์ แต่ที่ดินจังหวัดไม่รับคำขอคัดค้านสิทธิ์ เพราะถือว่าเจ้าของซื่อมาถูกต้องตามกฏหมาย แต่ชาวบ้านจะให้สิทธิ์ทางศาลก็ดำเนินการได้
สำหรับทางด้านกลุ่มชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกที่ดินของนางศิริพร โอ่รัก ซึ่งตัวแทนชาวบ้านคือนายนิพนธ์ ทองแหง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บ้านปลาสวาย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ในนามตัวแทนชาวบ้าน กล่าวในช่วงที่สื่อมวลชนลงพื้นที่ กล่าวว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหานี้หากเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ก็จะยึดถือกฏหมายเพราะขณะนี้มีการแจ้งความเป็นคดีความไว้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ชาวบ้านเองก็ยอมรับว่าเข้าไปทำกินมานานหลายปีแล้วโดยไม่รู้ว่าที่ดินดังกล่าวมีโฉนดและมีเจ้าของ ชาวบ้านจึงจัดแบ่งกันคนละ 3-4 ไร่เพื่อทำกิน นายนิพนธ์ ตัวแทนชาวบ้านกล่าว.

ร่วมแสดงความคิดเห็น