มท.1 ลงพื้นที่ วางแผนช่วยเหลือ 13 นักเตะหมูป่า เผยกำลังระบายน้ำออกจากถ้ำ

ความคืบหน้าในการช่วยเหลือนักฟตุตบอลและโคชจำนวน 13 คนที่ติดอยบู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนนน้ำนางนอน โดยในวันนี้ทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาลงพื้นที่เพื่อรับทราบข้อมูลในการช่วยเหลือรวมไปถึงวางแผนสั่งการ พร้อมกับได้เยี่ยมพบปะพูดคุยกับญาติของผู้ประสบเหตุที่มารออยู่บริเวณด้านหน้าที่ทำการ วนอุทยานฯ

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำภายในถ้ำออก โดยได้มีเจ้าหน้าที่นำครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ภายในถ้ำให้ระดับน้ำลดลง เพื่อให้หน่วยซิลสามารถปฏิบัติงานได้ โดยขณะนี้ทางหน่วยซิลกำลังได้จัดกำลังเข้าไปภายในถ้ำ เพื่อติดตามค้นหา อย่างไรก็ตามขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลงแล้วประมาณ 1 ฟุตเนื่องจากมีการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำหนองน้ำพุ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำไหนออกจาถ้ำไปพักอยู่ หากระบายน้ำออกจากบริวณนั้นได้ก็จะให้ระดับน้ำภายในถ้ำลดลง รวมไปถึงได้มีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปทำการสกัดน้ำที่ต้นน้ำผาหมี เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาภายในถ้ำ
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ได้เดินทางเข้าไปสำรวจยังภายในถ้ำหลวง เพื่อตรวจสอบัญหาการทำงาน และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน รวมไปถึงสอบถามถึงความตอ้งการเพื่อจะได้จัดหาในการช่วยเหลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อบงคอยให้ข้อมูล
ด้าน พล.ต.บัญชา ดุริยะพันธ์ ผบช.มทบ.37 ได้กล่าวถึงการบริหารจัดการพื้นที่ และจัดการจราจร เนื่องจากมีประชาชนที่ที่ห่วยใย และมาให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน จึงขอความกรุณาให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องคอยรับฟังความคืบหน้าอยู่ที่บ้าน รวมไปถึงจัดระเบียบรถที่จะเข้ามาในพื้นที่เนือ่งจากพื้นที่มีจำกัด รวมไปถึงเป็นทางขึ้นเนิน และมีดินโคลน ทำให้รถลื่นไถลอาจจะเกิดอันตรายได้ จึงขอพื้นที่ให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้สะดวก เพื่อจะได้ทำการช่วยเหลือได้อย่างไม่มีอุปสรรค นอกจากนี้ทาง มทบ.37 ก็ได้จัดรถครัวสนามมาเตรียมพรอ้มจำนวน 2 คัน เพื่อปรุงอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและญาติของผู้ประสบภัย
ในส่วนของการแชร์ข่าวสารทางสื่อโซเชียลนั้น ขอความกรุณาได้รับฟังข่าวจากทางเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการให้ข่าวเท่านั้นเพื่้อไม่เกิดข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งที่่านมาพบว่ามีประชาชนแชร์ข้อความที่ไม่ถูกต้องเช่น การพบตัวผู้ประสบภัยแล้ว หรือการทราบตำแหน่ง ความคืบหน้า ทำใฝห้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น และสับสนกับข้อมูล จึงขอความกรุณาอย่าส่งต่อข้อมูลที่ไม่ได้มาจากสำนักข่าว หรือทางเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเท่านั้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น