ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน สิรินธร

บ่ายวานนี้ (17 ก.ค.61) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติ ธรรม เข้าตรวจเยี่ยม ประชุม และพบปะกับผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานราชการ ครูอาจารย์ นักสังคม สงเคราะห์ ฝ่ายปกครอง บุคลากรในสังกัด นักศึกษาฝึกอบรม พร้อมปฏิบัติหน้าที่บรรยายพิเศษ เรื่อง ‘การเป็นคนไทยที่ดีตามรอยพระยุคลบาท’ แก่ลูกหลานเยาวชน ณ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน สิรินธร อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

ดังความตอนหนึ่งของการบรรยายพิเศษว่า :
“ลูกหลานในศูนย์ฝึกอบรมฯ และสถานพินิจฯ โดยภาพรวมแล้วจะมุ่งมั่นตั้งใจเรียนต่อในหลักสูตร กศน. คือ ความหวังในชีวิตที่ทุกคนมีความตั้งใจจะเรียนให้จบ เพื่อนำพื้นฐานความรู้ไปประกอบสัมมาชีพอันสุจริต และการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ในหลวงทรงพระกรุณาพระราชทานสอน ให้ลูกหลานมีความวิริยะอุตสาหะ มีทัศนคติอันดีมีน้ำใจต่อกัน การศึกษาจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ลูกหลานก้าวเดินหน้าต่อไปในชีวิตอย่างไม่ผิดพลาดหรือหลงทาง

คำว่า ‘หลงทาง’ นิยามได้ว่า เราไม่ยินดียินร้ายกับการถูกครอบงำหรือชี้นำไปในทางที่ผิด หมายถึงพร้อมที่จะทำผิด ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนอีกคำนิยามหนึ่ง มาจากการที่เรารู้ไม่เท่าทันคน ส่วนหนึ่งมาจากคนที่มาหลอกลวงชี้นำเรา เขาอาจเรียนมาสูงกว่า อาจจบถึงระดับปริญญาแต่ขาดปัญญาของคนดี แต่เอาความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด หลอกลวงต้มตุ๋นคนที่อาจจะเรียนมาน้อย และรู้ไม่เท่าทันตน พฤติกรรมเช่นนี้เกิดมากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งจะแก้ไขได้ก็ด้วยพลังแห่งความดี ความซื่อตรง ที่เราทุกคนต้องช่วยกัน รวมความมุ่งมั่นตั้งใจแห่งความดีของทุกคนเป็นหนึ่ง
วิทยากรอยากแลเห็นลูกหลาน มีความรักสมัครสมาน มีความรู้รักสามัคคีตามพระราชดำรัสคำสอน ต้องไม่ลืมว่า ณ บ้านแห่งนี้ อันเป็นบ้านมงคลนามมีความศักดิ์สิทธิ์ เราทุกคนต้องมุ่งมั่นทำความดี อีกทั้งมีความพากเพียรศึกษา หลายคนที่นี่จบมาระดับชั้นประถม จบชั้นมัธยมต้น บ้างเรียนระดับมัธยมปลายแต่ไม่จบ มาโดนปัญหาสังคมที่ปราศจากความเป็นระเบียบเรียบร้อยข่มเหงทำร้าย โดนคนประสงค์ร้ายมาชี้นำ จนต้องมาอยู่ที่นี่ แต่หากมองในมุมกลับ คุณพ่อคุณแม่ของลูกหลานพบปะกับวิทยากรในวันญาติเยี่ยม ณ สถานพินิจฯ หลายแห่ง ปรารภว่าลูกๆ หลานๆ มีพัฒนาการดีขึ้นมาก บ้างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยคุณแม่ทำครัว ล้างจานชาม ซักผ้า เช็ดถูบ้าน ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยทำ
นี่หากถือเป็นการพัฒนาตัวชี้วัด เพื่อการติดตามประเมินผล วิทยากรอาจใช้เป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบระหว่างหลายๆ กรณีของศูนย์ฝึกอบรมฯ และสถานพินิจฯ สิ่งที่หลายฝ่ายวิตกกังวล คือ ภายหลังที่ลูกหลานกลับออกไปจากที่นี่แล้ว บรรยากาศเดิมๆ อันไม่ถูกต้องจะกลับมาครอบงำอีกหรือไม่ อีกทั้งเผชิญต่อปัญ หาสังคม อันมีความหลากหลาย สลับซับซ้อน และเป็นภยันตรายในทุกวันนี้
คำตอบอันจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของลูกหลานทุกคน มี 2 ประการสำคัญ ณ เวลานี้ คือ
1.มุ่งมั่นตั้งใจเรียน กศน.ให้จบในระหว่างที่ใช้เวลาอยู่ในบ้านนี้ ตามห้วงระยะเวลาที่ตนมี ขวนขวาย ซักถาม เรียนรู้ จากครูอาจารย์ วิทยากรพิเศษ เพื่อเป็นพื้นฐานชีวิตและประกอบอาชีพ ส่วนจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไปหรือไม่ เป็นอีกชั้นหนึ่งที่ลูกหลานจะต้องขบคิดอย่างรอบคอบ
2.หมั่นฝึกฝนจิต สมาธิ ปัญญา ให้การใช้เวลาอยู่ในบ้านนี้ กลับกลายเป็นพลานุภาพ นำทางเราไปสู่การครองตนที่ยึดมั่นหลักคุณธรรมจริยธรรม บ้างเรียกว่า หลักสุจริตธรรม เราต้องเอาชนะใจตัวเอง เพื่อกระ ทำในสิ่งที่เป็นความถูกต้อง จิต สมาธิ ปัญญา จะไม่นำเราไปสู่การกระทำที่ผิดพลาดใหญ่หลวงอีกต่อไป
นี่คือภูมิคุ้มกัน ที่พระองค์ได้พระราชทานสอนแก่ลูกหลานไทยทุกคน เราต้องช่วยกันเสริมสร้างขึ้น ให้เป็นทั้งโอกาส กำลังใจสำหรับตัวเราและคนรอบข้าง มองเห็นภาพแห่งอนาคตที่เป็นความหวังแก่ชีวิต ไม่ใช่อยู่อย่างคนสิ้นหวัง ตามสุภาษิตไทยที่ว่า ชีวิตคือการต่อสู้ อันหมายถึงมิใช่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ง่ายดายโดยปราศจากความเพียร ความมีมานะอดทน และศัตรูคือยาชูกำลัง ซึ่งหมายถึงปัญหาทั้งหลายจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ คือ บทเรียนและคำสอนชีวิตที่เราจะต้องก้าวข้ามปัญหาต่างๆ นั้นไปให้ได้ด้วยความเพียรพยายาม ความดีจะชนะทุกสิ่ง”

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น