สปสช.แจงทิศทางบริหาร กองทุนบัตรทองปี 62 เพิ่มสิทธิ ปรับเบิกจ่าย หนุน รพ.ดูแล ปชช.ง่ายขึ้น

สปสช.แจงทิศทางบริหารกองทุนบัตรทอง ปี 62 เพิ่มประสิทธิภาพ หนุนหน่วยบริการดูแลประชาชน “หมอศักดิ์ชัย” แจงทิศทางบริหาร “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2562” เน้นปรับเพิ่มประ สิทธิภาพบริหารจัดการ ปรับแนวทางการเบิกจ่ายในบางรายการ เพื่อสนับสนุน รพ.ในการดูแลประชาชน พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์สุขภาพ เพิ่มการเข้าถึงบริการครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งขึ้น นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สนง.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการจัดทำงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2562 ตามที่ ครม.อนุมัติจำนวน 181,584, 093,700 บาท ในปีนี้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงการดำเนินงานและการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อความเหมาะสมในการดำเนินงานกองทุนฯ ยิ่งขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่ได้ปรับปรุงและเพิ่มเติม ดังนี้
บริการผู้ป่วยนอกทั่วไป ได้ปรับบริการคัดกรองและตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ โดยเป้าหมายคัดกรองแต่ละพื้นที่ ให้ผ่านความเห็นชอบคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพ ระดับเขต (อปสข.) ส่วนการบริการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปรับให้เบิกจ่ายตามผลงานจริง (Fee schedule)
บริการผู้ป่วยในทั่วไป ปรับแนวทางการจ่ายเพื่อให้หน่วยบริการมีความมั่นใจ ในการบริการเพิ่มขึ้น โดยกันเงินในระดับประเทศ 100 ล้านบาท จากงบผู้ป่วยใน เพื่อปรับเกลี่ยค่าน้ำหนักสัมพันธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (AdjRW) และการกำหนดอัตราจ่ายขั้นต่ำคงตลอดทั้งปี ในจำนวน 8,050 บาทต่อ AdjRW เป็นต้น
บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค ประกอบด้วยคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไวรัสตับอักเสบบี, เพิ่มการจ่ายค่าบริการตามผลงานจริง (Fee schedule) ในรายการที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการในหญิงตั้งครรภ์เป็น 8 รายการ ได้แก่ บริการตรวจยืนยันโลหิตจากธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์และสามี การตรวจคัดกรองดาว์นซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์อายุ 35 ปี บริการป้องกันยุติการตั้งครรภ์ไม่ปลอดภัย, บริการตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ในเด็กแรกเกิด, บริการคุมกำเนิดกึ่งถาวร ในผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป เป็นต้น และการปรับประสิทธิภาพบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ ในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่จะมีการปรับ ปรุงประกาศฉบับใหม่ เป็นต้น
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนบริการเฉพาะ ปี 2562 ได้เพิ่มเติมวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกลุ่มยาจำเป็น โดยย้ายงบจากค่าบริการผู้ป่วยนอก จำนวน 10.67 ต่อผู้มีสิทธิเพื่อดำเนินการจัดซื้อ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนนี้, เพิ่มรายการยาตามบัญชียา จ.(2) หรือยาที่มีความจำเป็นแต่มีราคาแพง จำนวน 2 รายการ ได้ แก่ ยาราลทิกราเวียร์ (Raltegravir) เพื่อขยายการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และ ยาบีวาซิซูแมบ (Bevacizumab) เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดตาในจอตาอุดตัน และเพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี่ (Colostomy Bag) เป็นอุปกรณ์และอวัยวะเทียม เพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับผู้ป่วย
นอกจากนี้ปี 2562 ยังได้มีการพัฒนาเพื่อดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ทั้งบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยในปีนี้จะนำร่องโครงการความร่วมมือ การจัดบริการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็น บริการควบคุมป้องกันและรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงที่เน้นการควบคุมภาวะแทรกซ้อน ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ขณะเดียวกันยังได้มีการปรับบริการสาธารณสุขเพิ่มเติม สำหรับการบริการระดับปฐมภูมิ ที่มีแพทย์ประจำครอบครัว ทั้งการปรับสัดส่วนการจ่ายชดเชยบริการปฐมภูมิ เพื่อสนับสนุนคลินิกหมอครอบครัวเพิ่มขึ้น (Primary Care Cluster: PCC) เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล
“การปรับปรุงการบริหารงบประมาณ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในปี 2562 ไม่เพียงแต่เป็นการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการบริหารกองทุนยิ่งขึ้น แต่ยังสนองต่อรูปแบบการบริการของหน่วยบริการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อความครอบคลุมและทั่วถึง ในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นของประชาชน ผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคนทั่วประเทศ” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น