เตือนอันตราย!! รังสี UV เชียงใหม่ และภาคเหนือพุ่งขึ้นสูง

ข้อมูลจากเว็บไซต์พยากรณ์ http://ozone.tmd.go.th/UV_index.htm ระบุว่าดัชนีความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเล็ต (ยูวีอินเด็กซ์) ในประเทศไทย ซึ่งใน จ.เชียงใหม่ อยู่ระดับที่ 12 โดยดัชนีนี้วัดค่าจากปริมาณของรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ที่คาดว่าจะส่องมายังพื้นผิวโลกในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่บนจุดสูงสุดของท้องฟ้าในช่วงเที่ยงวัน แนะนำให้อยู่แต่ในอาคาร หากจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันทุกชนิด หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้ใช้ร่ม แว่นตากันแดด ทาครีมทาผิว SPF30+ และสวมเสื้อป้อง กัน
รังสียูวี หรือ Ultraviolet เป็นคลื่นแสงที่มีช่วงความยาวคลื่น ระหว่าง 280 – 400 นาโนเมตร ที่เราทราบกันว่ามีอันตรายต่อมนุษย์ที่รู้จักกันดีก็ คือ โรคมะเร็งผิวหนังจากการได้รับแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ และโรคต้อกระจกที่ได้รับจากรังสียูวีที่สูงและเป็นเวลานาน ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้คนตาบอดมากที่สุดในโลกปัจจุบัน โดย WHO (World Health Organization) ได้ประมาณการไว้ว่ามี 20% ของคนตา บอดที่เกิดจากโรคต้อกระจก อันเป็นผลมาจากได้รับรังสียูวีนั้นเอง
ดัชนีรังสียูวี หรือ UVI จะมีค่าเริ่มต้นจาก 0 แล้วเพิ่มขึ้นตามความแรงของรังสียูวี ที่ตกกระทบบนพื้นผิวโลก ณ กึ่งกลางเวลาพระอาทิตย์ขึ้นกับเวลาพระอาทิตย์ตก ซึ่งอาจจะแตกต่างกันได้ในแต่ละวัน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงของ เวลา 11:30 – 11:30 ค่าของ UVI ที่ได้นั้นจะมาจากการคำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในหลายตัวแปรร่วมกัน ค่าที่สูงขึ้นจะบอกถึงระดับอันตรายที่เพิ่มมากขึ้นของรังสียูวี และคำแนะนำเบื้องต้น เพื่อป้องกันอันตรายจากค่าดัชนีรังสียูวีนั้น ได้แก่
อันตรายเมื่ออยู่นอกอาคาร การป้องกันอันตรายจากรังสียูวี
0-1-2 ไม่มี ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันรังสียูวี
3-4-5 ต่ำ ร่ม แว่นตากันแดด และครีมทาผิว SPF15+
6-7 ปานกลาง ร่ม แว่นตากันแดด ครีมทาผิว SPF30+ สวมเสื้อป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด
8-9-10 สูง ร่ม แว่นตากันแดด ครีมทาผิว SPF30+ สวมเสื้อป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด
11+ สูงมาก แนะนำให้อยู่แต่ในอาคาร หากจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันทุกชนิด
สำหรับประเทศไทยพบว่ามีค่า UVI อยู่ระหว่าง 8-12 โดยมีค่าสูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค.-ก.ย. ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันรังสียูวี เช่น แว่นตากันแดด ร่ม เมื่อต้องอยู่ภายนอกอาคารเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันโรคที่เกิดขึ้นได้ จากการได้รับรังสียูวี เช่น ต้อลม ต้อเนื้อ และโรคต้อกระจกที่จะเป็นก่อนวัยอันควร ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงในการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม
ที่มา : http://ozone.tmd.go.th/UV_index.htm

ร่วมแสดงความคิดเห็น