Skip to content
การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอดหลังจากเปิดให้ประชาชนที่มีรายได้ปีละไม่เกิน 100,000 บาท และผู้มีรายได้ปีละไม่เกิน 30,000 บาท มาลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2560
ภาพจาก กรมบัญชีกลาง
ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม มาลงทะเบียนจำนวนทั้งสิ้น 11.47 ล้านราย และต่อมามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561เปิดโอกาสให้ผู้ถือบัตรฯ ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ซึ่งมีทีมหมอประชารัฐสุขใ ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านสอบถามความต้องการเรื่องการพัฒนาอาชีพเสริมเสร็จสิ้นเมื่อเดือนเมษายน 2561
และมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แจ้งความต้องการฝึกอบรมอาชีพประมาณ 8.5 ล้านคน เบื้องต้นรัฐบาลได้จ่ายเงินเพิ่มเติมให้รายละ 100 บาท และ 200 บาท แก่ผู้เข้าร่วมอบรมฝึกอาชีพ (ตั้งแต่เดือนมีนาคม-สิงหาคม 2561) ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน
ต่อมามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (วันที่ 28 สิงหาคม 2561 )รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนแนวทางจากการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรายเดือน เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรฯ ของผู้มีสิทธิแทนด้วยจำนวนเงินเท่าเดิมที่ได้รับ ซึ่งจะดำเนินการในระยะเวลาที่เหลืออีก 4 เดือน (ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2561)
ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่
เป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสิทธิสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพและส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถถอนเงินที่เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นเงินสดได้ ผ่านตู้ ATM และสาขาของธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหากมียอดคงเหลือของเดือน สามารถนำไปสะสมในเดือนถัดไปได้ด้วย
ร่วมแสดงความคิดเห็น