เตรียมดันท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน-ลอยก่อว์ รัฐคะยา

ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดแนวคิดใหม่ ดันท่องเที่ยวให้รุ่งด้วยการสรรหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ มาทดแทนของเดิมและอนาคต เตรียมดันการท่องเที่ยว 2 ประเทศ ระหว่างแม่ฮ่องสอน กับ เมืองลอยก่อว์ รัฐคะยา สหภาพเมียนมา หวังดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนั้นเตรียมเสนอให้เพิ่มเที่ยวบินให้มากกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2561 สนง.ปชส.จ.แม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรม ผวจ.พบสื่อ ที่สวนหมอกคำรีสอร์ท อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยมี นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผวจ. พร้อม หน.ส่วนราชการ ร่วมกิจกรรม เพื่อชี้แจงผลการดำ เนินงานโครงการต่างๆ ในปีงบประมาณ 2561 และการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2562 อีกทั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ส่วนราชการกับสื่อมวลชน ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่ากิจกรรม ผวจ.พบสื่อจะจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 เดือน ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และ อ.แม่สะเรียง เพื่อพบปะสื่อมวลชนและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของทางราชการสู่สาธารณชน
พร้อมกันนี้ ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของ จ.แม่ฮ่องสอน ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ขอให้ช่วยกันค้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และสนับสนุนให้เพิ่มเที่ยวบินตรงจาก กทม. มาแม่ฮ่องสอนมากขึ้น ซึ่งเดิมมีสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน คือวันพุธ ศุกร์ อาทิตย์ และในเดือน ต.ค.จะเพิ่มเที่ยวบินในวันจันทร์อีกหนึ่งวัน เพื่อให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนั้นจะมีการเร่งรัดการปรับปรุงถนนห้วยต้นนุ่นให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อการเดินทางระหว่าง จ.แม่ฮ่องสอน และเมืองลอยก่อ รัฐคะยา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สะดวกสบายยิ่งขึ้น
นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผวจ.ระบุว่า การท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอน เริ่มตกต่ำลง เนื่องจากไม่มีการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวใน อ.เมือง ถ้านักท่องเที่ยวจะมาเที่ยว ทุกคนจะคิดถึงแหล่งท่องเที่ยว ปางอุ๋ง บ้านรักไทย และภูโคลนคันทรีคลับ ที่มีการพอกหน้าโคลน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ถือเป็นของแถมก่อนขึ้นเครื่องบินกลับ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยกองมู หรือวัดจองคำ จองกลาง ส่วนกะเหรี่ยงคอยาว จุดขายที่เคยโด่งดัง เริ่มซาลงแล้ว
ดังนั้น นักธุรกิจการท่องเที่ยวรวมทั้งภาครัฐ จะต้องมาจับมือกันพยายามหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ขึ้นมา รองรับและโปรโมทอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนเมืองปายนั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและติดอันดับไปทั่วโลก โดยนักธุรกิจการท่องเที่ยว รวมไปถึงภาครัฐในพื้นที่ มีการจับมือสร้างกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้การท่องเที่ยวเมืองปายคึกคักเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต การท่องเที่ยวของ จ.แม่ฮ่องสอน ควรจะมีการเปิดการท่องเที่ยวไปสู่เมียนมา ที่เมืองลอยก่อว์ รัฐคะยา ซึ่งยังเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชนเผ่าที่น่าสนใจมาก ดังนั้น ทาง จ.แม่ฮ่องสอน จะพยายามผลักดันให้มีการเปิดการท่องเที่ยวระ หว่าง 2 ประเทศให้จงได้ เพื่อการท่องเที่ยวจะได้เจริญมากขึ้นกว่าเดิม และทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดดีขึ้น

ผวจ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว เรื่องเส้นทางไปช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น ที่เป็นปัญหาคืออยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชนั้น เกิดการกำหนดแนวเขตของ จนท.รัฐ ไปทับพื้นที่และเส้นทางเดิมของราษฎรที่อาศัยมาก่อนหน้า การออกประกาศกำหนดแนวเขต ซึ่งเรื่องดังกล่าว หากมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และกำหนดยุทธศาสตร์ของการพัฒนาประเทศไว้ล่วงหน้าแล้ว จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ปัญหาการพัฒนาความเจริญด้านสาธารณูปโภคใน จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งร้อยละ 90 อยู่ในเขตป่า ทำให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และการพัฒนาเพื่อการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักไปอย่างน่าเสียดาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น