เครื่องประดับชาวเขา

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของกลุ่มชนบนภูเขาเรามักจะนึกถึงเอกลักษณ์การแต่งตัวที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยสีสันของเสื้อผ้าลวดลายของการทอผ้าและความแวววาวของเครื่องประดับที่สวมใส่ จึงทำให้รูปแบบของชาวเขาแต่ละเผ่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชาวเขาคงไม่เป็นชาวเขาหากไม่มีเครื่องประดับ เพราะเป็นส่วนสำคัญของการแต่งกาย ชาวเขาแต่ละคนแต่ละเผ่าก็จะประดับประดากันอย่างมโหฬารเพื่อบ่งบอกถึงฐานะเหล่านี้มีให้เห็นในชาวเขาเกือบทุกเผ่า ในยามที่เคลื่อนไหวร่างกายเครื่องประดับเงินก็จะส่งประกายระยิบระยับ นั่นคือเวลาที่พวกเขามีความสุขที่สุด ทั้งความภูมิใจในสินทรัพย์ที่สวมใส่อันมีค่าเป็นห่วงประกันของชีวิตและเป็นหน้าเป็นตาแก่ครอบครัว หญิงชาวเขาคนใดมีเครื่องประดับมากจะเป็นที่ต้องตาหมายใจของพวกหนุ่ม ๆ ยิ่งถ้าสาวคนไหนมีหนุ่ม ๆ มารุมกันสู่ขอด้วยแล้ว ผู้ที่เป็นพ่อแม่ก็จะดีใจและปลึ้มใจ ขณะที่หญิงใดไม่มีพวกหนุ่ม ๆ มาสนใจ แสดงว่าพวกเขายังต้องแสวงหาเครื่องประดับมาสวมใส่ให้มาก ขึ้นกว่าเดิม
สาเหตุหนึ่งที่เครื่องประดับได้รับความนิยมในหมู่ชาวเขาก็เพราะ โลหะเงินยังเป็นตัวกลางในการซื้อขายอย่างเดียวที่พวกเขามั่นใจและเชื่อถือได้ ธนบัตรได้กลายเป็นเศษกระดาษที่ไร้ค่ามาหลายต่อหลายครั้งในช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ปั่นป่วนและการลี้ภัยที่ไม่มี ถิ่นฐานอันแน่นอน โลหะมีค่าเช่นเงินเท่านั้นที่เขาจะนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยอื่น ๆ ในการดำรงชีวิตได้ไม่ว่าในที่ใด เขาจึงต้องหาวิธีนำเงินติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่งในทุกรูปแบบ ทั้งเงินแท่ง เงินเหรียญ กล้องยาสูบ กล่องยาเส้นและเครื่องประดับซึ่งมีวิธีนำขึ้นมาตกแต่ง ร่างกายต่าง ๆ นานา ชาวปกาญอไม่นิยมอาภรณ์เงินชิ้นใหญ่ ส่วนเผ่าอื่น ๆ นิยมใช้อาภรณ์ที่ทำเป็นสร้อยสตางค์ ซึ่งใช้เหรียญบาทโบราณถักร้อยด้วยด้ายสีแดงเป็นเส้นสายยาวหลายชนิด บ้างก็ใช้เหรียญห้าบาทกลมใหญ่ใส่กลางเส้น จี้สร้อยเงินอีกแบบที่พบมากก็คือ สร้อยเมล็ดข้าว ซึ่งร้อย ประคำสลับกับเมล็ดข้าวเป็นเส้นเล็ก ๆ สวมใส่ไว้หลายเส้น กำไลคอของกะเหรี่ยงก็เล็กมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น ซึ่งมักจะทำเป็นเส้นบาง ๆ มีตะขออยู่หลังคอ ชาวม้งจะสะสมทรัพย์สินไว้ในรูปเครื่องประดับเงินสวมใส่ติดเสื้อผ้าไว้ทั้งชายหญิง ที่ข้อเท้าจะมีกำไลเงินคล้องไว้คนละหลายอัน ทารกม้งจะได้รับกำไลคอคล้องไว้เพื่อรักษาขวัญไม่ให้หนีหายไปจากร่างและเป็นเครื่องหมายว่า ทารกนี้มีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์แล้วโดย สมบูรณ์

หญิงชาวเย้าดูเหมือนว่าจะมีเอกลักษณ์การแต่งกายที่โดดเด่นออกไป โดยจะสวมต่างหูรูปลูกศรโค้งเป็นวงคล้ายชาวม้ง สวมแหวนเงินแบบต่าง ๆ และสวมกำไลแขนคู่ใหญ่เหนือข้อมือซ้าย จะพันด้วยสร้อยเงินยาวหลายรอบ ส่วนข้อมือขวาจะไม่ใส่อะไรเลย เพราะจะ เกะกะเวลาทำงาน เครื่องประดับเงินที่หญิงชาวเมี้ยนใช้ก็มี กำไลแผ่นกว้าง กำไลคอและต่างหู ซึ่งเป็นรูปวงกลมมีติ้งรูปใบไม้ห้อยลงมา อีกแบบหนึ่งจะเป็นวงกลมมีติ้งห้อยรูปดอกจิก บางครั้งก็จะสวมสร้อยประคำเม็ดเล็กสีขาวเส้นยาวหลายเมตรนำมาพันไว้รอบคอ ส่วนกำไลเงิน แผ่นกว้างจะใส่ในโอกาสพิเศษ ขณะที่หญิงสาวอาข่า หรือ “อีก้อ” มีเอกลักษณ์อยู่ที่หมวกซึ่งเป็นทรงแบนคลุมศรีษะสตรี จะต้องมีแผ่นเงินรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเชิดขึ้นมาทางด้านหลังด้วย ส่วนด้านหน้าจะแต่งด้วยลูกปัดสลับกับแถวกระดุมเงิน ล้อมรอบใบหน้าด้วยลูกบอลเงิน บางทีหมวกอาจจะมีรูปร่าง คล้ายกับหมวกเกราะของนักรบโบราณ

ส่วนหญิงสาวลีซอจะแต่งกายกันอย่างเต็มที่ ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ เครื่องประดับเงินจะถูกนำมาตกแต่งกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จะติดด้วยเม็ดกระดุมเงินกลมนูน ทั้งเป็นสายและเป็นดอก สองติ่งหูเจาะรูเกี่ยวตะขอห้อยตุ้มระย้าซึ่งติดพู่ไหมพรม เพิ่มสีสันเข้าไปด้วย แถมด้วยสร้อยเงินหลายสายที่โยงผ่านใต้คาง ข้อมือทั้งสองสวมกำไลแผ่นกว้างแต่มริมด้วยอัญมณีที่นิ้วมือจะสวมแหวนเงินไว้เต็มเกือบทุกนิ้ว ด้วยเหตุที่ชาวเขามีวัฒนธรรมและการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบเผ่าใครเผ่ามัน แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ทุกเผ่าจะใช้เครื่องประดับที่ทำมาจากเงินเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภาพของการแต่งกายของชาวเขาดูจะเป็นรูปแบบที่ไม่มีใครเหมือน สีสันอันสวยงามของเสื้อผ้าตัดสลับกับความแวววาวของเครื่องประดับยามที่พวกเขาอยู่กลางแสงแดด สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของชนชาวเขา จนอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีชนกลุ่มใดในโลกที่จะมีวัฒนธรรมการแต่งกายได้สวยงามเสมอเหมือนชาวเขาอีกแล้ว บทความโดย จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น