จับไม้ชิงชันกลุ่มนายทุนค้าไม้ข้ามชาติ เขตติดต่อ แพร่ – น่าน ขนรอบ 2 หนีไม่รอด

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2561 เวลา 16.30 น. ถึงวันที่ 24 กันยายน 2561 เวลา 16.30 น.โดยการอำนวยการของ นายภูษิต พรหมมาณพ ผอ.สำนักฯ นายชัยรัตน์ แสงปาน ผอ.ส่วนป้องกันฯ/ผอ.ศปก.พป.พร.-นน. และนายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.ศูนย์ป่าไม้น่าน ให้นายมนตรี พลภักดี หน.หน่วยฯ/หน.ชปก.พป.พร.-นน.ที่ 1 และนายณัฐชนน คนสูง หน.สายตรวจปราบปรามฯสาย 2 น่าน ,ร.ต.ท.สมบัติ แกล้วกล้า ตำรวจ ศปทส.ภ.จ.น่าน ร่วมกับ จนท.-หน่วยฯนน.13(น้ำสา)/ชปก.พป.พร.-นน.ที่ 1 , สายตรวจปรามสาย2 น่าน ,ชดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ , ตชด.324 น่าน , กก.4บก.ปทส.น่าน , ศปป.ที่ 3 ภาคเหนือ , ฝ่ายปกครอง อ.เวียงสา , ทหาร หมู่ รส.ที่ 2 ร้อย รส.ที่ 3 มทบ.38 , ทหาร ม. พัน15 ชุด รส.อ.เวียงสา ,จนท.ตำรวจ ศปทส.ภ. 5 และ ตำรวจ ศปทส.ภ.จ.น่าน จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ หลังจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 18.00 น.วันที่ 23 กันยายน 2561 กลุ่มนายทุนค้าไม้ชิงชันข้ามชาตื ได้ลักลอยขนไม้ชิงขัน โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุทะเบียน บม 4191 แพร่ สีบรอนซ์ ลักษณะเป็นรถยนต์ตอนเดียว มีลูกกรงเหล็กสะแตนเลส สูงจากขอบกระบะถึงระดับหลังคาเก๋ง ของกลุ่มกระบวนการค้าและค้าไม้ชิงชันข้ามชาติ บรรทุกไม้ชิงชินแปรรูปโดยมีการปกปิดในลักษณะอำพราง วิ่งมาตามเส้นทางสายบ้านนาก้า-บ้านห้วยหลอด เพื่อนำไปที่จังหวัดแพร่โดยใช้เส้นทางสายบ้านฮากฮานผ่าน นาก้า อ.เวียงสา ไปยังบ้านฟ้า อ.บ้านหลวง จ.น่าน
จากนั้นจนท.ชุดดังกล่าวได้ทำการดักซุ่มรออยู่ทางของเส้นทางดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 04.40 น. ของวันที่ 24 กันยายน ได้มีรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งได้มีลักษณะตามที่ได้รับแจ้ง วิ่งผ่านมาจึงออกมาและส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดและเมื่อรถหยุดได้มีชายผู้ขับขี่และชายนั่งคู่มากับคนขับขี่ต่างเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งไล่ติดตามจับกลุ่มชายที่นั่งคู่มากับผู้ขับขี่ ชื่อนายมงคล ถุงทอง อายุ 31 ปี โดยผู้ถูกจับกุมให้การว่าจําเลขที่บ้านของตนเองได้ แต่อยู่ หมู่ 9 ตำบลดอนมูล อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ส่วนชายผู้ขับขี่สามารถหนีการจับกุมไปได้ จนท.ชุดจับกุมจึงร่วมกันตรวจสอบที่กระบะท้ายรถพบไม้ชิงชันแปรรูปมาเต็มคันรถโดยใช้ผ้าฟางสีดำปกคลุมปิดบังอำพรางไว้จากการตรวจสอบที่ไม้ชิงชันแปรรูปพบเป็นไม้ที่มีลักษณะใหม่สดไม่มีร่องรอยว่าเคยผ่านสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้อื่นใดมาก่อนและไม่มีรูปรอยดวงตาของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐตีประทับตราไว้แต่อย่างไร
จากการสอบถามนายมงคล ผู้ต้องหาให้การว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายอ๋อย (นามสมมุติ)อยู่บ้านเวียงทอง เป็นเจ้าของรถที่หลบหนีไปได้
โดยนายอ๋อย ให้การว่าตนได้รับจ้างจากนายเค (นามสมมุติ)กลุ่มนายทุนคนหนึ่งในหมู่บ้านเวียงทอง ตำบลสูงเม่นอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ได้ว่าจ้างให้มาขนไม้ชิงชันแปรรูปที่กลุ่มนายทุนรับซื้อมาจากชาวบ้านฮากฮาน หมู่ 2 ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่านโดยมีนายอู๋นา(นามสมมุติ)ซึ่งเป็นชนเผ่าเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์และเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจัดหาไม้ชิงชันแปรรูปจากชาวบ้านที่ลักลอบทำไม้ชิงชัน ในหมู่บ้านวางแผนการลำเลียงขนย้ายและเคลียร์เส้นทางทั้งหมดเพื่อนำไปส่งต่อให้นายทุนกลุ่มค้าไม้ข้ามชาติดังกล่าวที่หมู่บ้านเวียงทองโดยนายมงคล ให้การเพิ่มเติมว่าตนทราบว่า ไม้ชิงชันแปรรูปทั้งหมดเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการทำกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ว่าด้วยการป่าไม้
จากการตรวจสอบไม้ชิงชันของกลางแปรรูปจำนวน 21 แผ่น/เหลี่ยม นปริมาตร 1.79 ลบ.ม.คิดเป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน 537,000 บาท

จนท.ชุดจับกุมจึงได้ทำการบันทึกภาพถ่ายในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานก่อนได้ทำการตรวจยึดของกลางพร้อมได้ตรวจยึด 1.รถกระบะบรรทุก ยี่ห้อ Isuzu สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนบม-4191 แพร่ จำนวน 1 คัน ที่ใช้บรรทุกไม้ชิงชันแปรรูปของกลางทั้งหมด ไว้เป็นยานพาหนะของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด 2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ไว้เป็นของกลาง ทั้งหมดโดยแจ้งข้อกล่าวหานายมงคล ทราบว่าจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิด ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ม.48 และประกาศของ คสช.ฉบับที่ 106/2557 ม.70 ฐาน มีไม้ชิงชันแปรรูปไม่ว่าจำนวนเท่าไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, ผู้ไดรับไประการได ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาเสียให้พ้นซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยกรทำผิดต่อบทแห่งพรบ.นี้มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น พร้อมนำของกลางทั้งหมดที่ทำการตรวจยึด มายังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.13(น้ำสา) ชุดปฏิบัติการร่วมพิทักษ์ป่าพื้นที่รอยต่อจังหวัดแพร่-น่านที่ 1 ก่อนที่จะนำเอาเอกสารทั้งหมดพร้อมของกลางที่ทำการตรวจยึด ส่งต่อ พตท.นิรันดร์ ปวนธิ พงส.สภ.เวียงสา เพื่อเร่งติดตามหาตัวผู้ที่กระทำผิดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น