จักษุแพทย์เตือน!! ใช้คอมพิวเตอร์ แท๊บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือ อาจเป็นโรคตาที่เกิดจากการติดจอมากเกินไป

นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าปัจจุบันกลุ่มผู้ป่วยโรคตาที่มีสาเหตุจากการอยู่กับหน้าจอมากเกินไป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกเพศทุกวัย เป็นสาเหตุให้เกิดกลุ่มอาการตาไม่สู้แสง โดยจะมีอาการแสบตา ตาแห้ง ปวดตา ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นชั่วคราว เมื่อพักตาอาจช่วยบรรเทาอาการ แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดผลร้ายตามมา เช่น กระจกตาอักเสบ กล้ามเนื้อตาล้า ดังนั้น หากเกิดอาการผิดปกติทางตา ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องเหมาะสม
แพทย์หญิงสายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) ช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นผู้ป่วยโรคตาจากความผิดปกติของสายตาและการเพ่งมองถึง 3,844 ราย สาเหตุมาจากการใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอมากเกินไป แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตาอย่างเฉียบพลัน แต่ทำให้เกิดความไม่สบายตา เป็นปัญหารบกวนการใช้สายตาอยู่เสมอ
หากประชาชนมีปัญหาสายตาควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ประชาชนสามารถถนอมดวงตาได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ
– กระพริบตาให้บ่อยเมื่ออยู่หน้าจอ ป้องกันตาแห้ง
– หากมีอาการตาแห้งควรใช้น้ำตาเทียม เพื่อลดการระคายเคืองตา
– ควรพักสายตาเป็นระยะทุก 20-30 นาที
– ให้พักจากจอประมาณ 30-60 วินาที โดยการมองออกไปไกลๆ หรือหลับตา
– หากจำเป็นต้องอยู่หน้าจอนานเกิน 30 นาที ควรพักการทำงานทุก 1-2 ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 5-15 นาที
– ควรใช้แผ่นกรองแสงจากหน้าจอหรือใส่แว่นกรองแสง ปรับแสงหน้าจอให้พอเหมาะไม่สว่างเกินไป
– ไม่ควรทำงานในที่มืดจัด วางจอให้อยู่ในระยะพอเหมาะที่ตามองสบายไม่ต้องเพ่งโดยเฉลี่ยระยะจากตาถึงจอควรมีระยะ 45-50 ซม.

ร่วมแสดงความคิดเห็น