กรมการแพทย์ เตือน!! สูบบุหรี่จัด เสี่ยงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นโรคที่เกิดจากหลอดลมมีการเปลี่ยนแปลง หรือในเนื้อปอดมีการอักเสบ ส่งผลให้หลอดลมตีบแคบลงหรือตัน ไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ หอบเหนื่อย และหายใจมีเสียงหวีด โดยระยะแรกอาจยังไม่ปรากฏอาการ แต่เมื่อเนื้อปอดถูกทำลายมากขึ้น อาการดังกล่าว จะพบมากขึ้นเรื่อยๆ
สาเหตุสำคัญ คือ การสูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่มีสารเคมีมากมาย เมื่อปอดสัมผัสกับควันบุหรี่ เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในปอด ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การสูดดมมลภาวะอากาศที่เป็นพิษ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโดยทั่วไป มักพบ 2 โรคอยู่ร่วมกัน คือ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการไอและมีเสมหะเรื้อรัง อาการเป็น ๆ หาย ๆ อย่างน้อย 3 เดือน ติดต่อกันประมาณ 2 ปี หรือมากกว่านั้น โดยไม่มีสาเหตุอื่น และโรคถุงลมโป่งพอง มีการทำลายผนังถุงลม และส่วนปลายสุดของหลอดลม จะมีการขยายตัวโป่งพอง ทำให้การถ่ายเทอากาศผิดปกติ

หากพบว่าตนเองเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค แพทย์อาจตรวจภาพรังสีทรวงอก ตรวจสมรรถภาพปอด และตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือด เพื่อช่วยประเมินความรุนแรงของโรค เพราะหากโรครุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อน จากการที่ออกซิเจนในเลือดลดลงเป็นเวลานาน ทำให้หลอดเลือดแดงในปอด เกิดการบีบรัดตัวและมีแรงดันสูงขึ้น ส่งผลให้หัวใจซีกขวาต้องทำงานหนักมากเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะหัวใจซีกขวาล้มเหลวได้

แนวทางในการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มีตั้งแต่การรักษาด้วยยา การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด และการผ่าตัด เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ผู้ป่วยควรหยุดสูบบุหรี่ ดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ รู้จักควบคุมอารมณ์ เพราะความเครียดอาจทำให้หายใจลำบาก ต้องดูแลบ้านให้สะอาดปราศจากฝุ่น ละออง และควัน สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ และ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี และที่สำคัญต้องมาพบแพทย์สม่ำเสมอตามนัด และใช้ ยาที่แพทย์แนะนำ หากมีอาการผิดปกติ ได้แก่ เหนื่อยมากกว่าเดิม เสมหะมากขึ้นหรือเปลี่ยนสี เสมหะมีเลือดปนหรือไอเป็นเลือด มีไข้ เจ็บหน้าอกให้รีบมาพบแพทย์

ร่วมแสดงความคิดเห็น