เข้ามอบตัวแล้ว 2 หนุ่มโชเฟอร์รถเเดงในคลิป ควงมีดขู่ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายร่างกาย

เข้ามอบตัวแล้ว 2 หนุ่มปรากฎในคลิป ควงมีดขู่ หลังคลิปโผล่บนโซเชียล ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายร่างกาย ขณะที่ฝั่งผู้เสียหายยืนกรานเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

วันที่ 7 ต.ค.61 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณที่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Boylanna Witnipat Vorasampurana ” ได้โพสต์เรื่องราวพร้อมภาพและคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ที่มีการกระทบกระทั่งกับคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้าง เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันนี้ ที่บริเวณหน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ตรงข้ามวัดเจ็ดยอด ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยตามคลิปวิดีโอเป็นภาพที่ชายคนหนึ่งกำลังจะขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่ จากนั้นมีรถสี่ล้อแดงขับแซงมาทางซ้าย แล้วไปหยุดรถด้านหน้า ก่อนจะมีชาย 2 คนลงมาจากรถ โดยชายใส่เสื้อสีขาวใช้วัตถุบางอย่างพันที่มือ ส่วนชายใส่เสื้อสีดำถืออาวุธมีดมาด้วย เดินตรงเข้ามาซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์บางส่วนที่มีความยาวประมาณ 30 วินาที และเจ้าตัวได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก หลังเกิดเหตุ และภายหลังจากมีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวไปแล้วนั้นได้มีกระแสวิจารณ์และการแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเป็นจำนวนมาก ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันนี้ (7 ต.ค.61) ที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ทางชายที่ปรากฎภายในคลิปดังกล่าวได้เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ชาญชัย วังจัง สารวัตรสอบสวน สภ.ช้างเผือก เจ้าของคดี หลังจากทางผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความก่อนหน้านี้ โดยทราบชื่อคือ นายธีระเทพ แซ่จาง อายุ 30 ปี ชาวอำเภอเชียงดาว ซึ่งเป็นเจ้าของรถสี่ล้อแดง ส่วนผู้ที่ก่อเหตุ 2 คน คือ นายพันกร แซ่ฉิ่ง อายุ 32 ปี ชาวอำเภอเชียงดาว เสื้อดำ (ถือมีด) และ นายเอกชัย บุญจันทร์ อายุ 24 ปี ชาวอำเภอเชียงดาว เสื้อขาว โดยทั้งหมดได้เข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งยอมรับว่าว่าเป็นชายที่ปรากฎภายในคลิปวีดีโอดังกล่าวจริง

ทั้งนี้ จากการสอบถามทาง นายพันกร แซ่ฉิ่ง เสื้อดำ (ถือมีด) ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเรื่องตนได้ขับรถสี่ล้อแดง ซึ่งได้เช่ามาจาก นายธีระเทพ แซ่จาง เพื่อจะไปรับ นายเอกชัย บุญจันทร์ เนื่องจากรถเสีย เพื่อเดินทางกลับที่พัก แต่ระหว่างขับมาถึงยังที่บริเวณที่เกิดเหตุ เห็นรถคันหนึ่งจอดบริเวณทางเบี่ยง ซึ่งปกติต้องจอดเลนซ้าย ตนจึงกดแตรใส่เพื่อขอทาง แต่ขณะขับผ่านได้ยินเสียงคนตะโกนด่า จึงจอดรถดูก็พบว่ามีชาย 2 คน เดินมา ตนกับน้องชายจึงลงจากรถ ซึ่งขณะนั้นได้นำมีดติดไปด้วยเพื่อจะป้องกันตัว แต่ขณะเดินไปหาชาย 2 คน รถที่จอดนั้นก็ได้ขับออกไป ส่วนชาย 2 คนนั้น ก็ได้วิ่งหลบหนีไป โดยตนไม่ได้ใช้อาวุธมีดฟันหรือทำร้ายแต่อย่างใด จากนั้นก็ได้กลับขึ้นรถกลับที่พัก จนกระทั่งในช่วงสาย นายธีระเทพ แซ่จาง ซึ่งเป็นเจ้าของรถได้โทรศัพท์ติดต่อมาขอให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนกับ นายเอกชัย บุญจันทร์ จึงเดินทางมายัง สภ.ชางเผือก ซึ่งขณะเกิดเหตุตนยอมรับว่าเกิดจากอารมณ์โมโหชั่ววูบ แต่หลังเกิดเรื่องก็รู้สึกผิด และยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปทำร้ายร่างกายของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการข่มขู่และป้องกันตัวเพียงเท่านั้น

ขณะที่ในเวลาต่อมา ทางด้าน นายวิทย์นิพัทธ์ วรสัมปุรณะ อายุ 37 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าวได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง พร้อมทั้งได้เชิญทนายความมาร่วมรับฟังคำให้การด้วย ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเช้ามืดวันนี้ ตัวเองกับเพื่อนได้แวะกินข้าวที่ร้านข้าวต้มครัวสุพรรณ เมื่อรับประทานเสร็จได้เดินออกมาจากร้านก่อน ส่วนเพื่อนไปขับรถออกมาเพื่อที่จะมารับตัวเองที่บริเวณหน้าร้าน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากด้านหลัง จึงหันไปดู เห็นรถสี่ล้อแดงขับไปจอดด้านหน้า แล้วมีชาย 2 คนเดินลงมาจากรถ ตัวเองจึงเดินเข้าหา แต่เมื่อเห็นชายอีกคนถืออาวุธมีดก็เริ่มถอยห่าง ก่อนที่ชายทั้ง 2 คนจะตรงเข้ามาหาเรื่อง โดยตัวเองถอยหนีแต่ถูกผู้ชายเสื้อขาวใช้เท้าถีบที่หน้าอก ส่วนผู้ชายเสื้อดำง้างมีดฟันแต่ไม่โดน ตัวเองจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนแล้ววิ่งหลบหนีมายังถนนอีกฝั่ง แล้วเรียกเพื่อนมารับ แล้วหลังเกิดเหตุจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ช้างเผือก ในเวลาต่อมา ซึ่งยืนยันว่าตนกับอีกฝ่ายไม่เคยมีเรื่องทะเละบาดหมางกันมาก่อน และพร้อมจะดำเนินคดีกับคู่กรณีที่ก่อเหตุจนถึงที่สุด พร้อมทั้งบอกว่ากรณีนี้ตัวเองไม่ได้เหมารวมว่าเป็นพฤติกรรมของคนขับสี่ล้อแดงทั้งหมด แต่เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ทางด้าน พ.ต.ท.ชาญชัย วังจัง สารวัตรสอบสวน สภ.ช้างเผือก ได้ทำการสอบสวนข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย แล้วแต่ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ทางฝั่งผู้เสียหายและคู่กรณีให้ความไม่ตรงกัน โดยทางฝั่งผู้เสียหายยืนยันว่าทางผู้ก่อเหตุนั้นได้ลงมือทำร้ายร่างกายและได้ใช้อาวุธมีดฟันจริง ซึ่งถือเป็นการประทุษร้าย และพยายามฆ่า แต่ในขณะที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการลงไม้ลงมือหรือทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากระหว่างที่เกิดเหตุผู้เสียหายได้ยืนห่างจากผู้เสียหาย และไม่ได้มีการใช้อาวุธมีดที่ถือมาด้วยไล่ฟันแต่อย่างใด ขณะที่คลิปวีดีโอดัวกล่าวเป็นเพียงภาพเหตุการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยหลังจากนี้จะได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพื่อหาภาพหลักฐานเพิ่มเติมนำมาทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น