“กินเจไม่จำเจ อิ่มบุญอุ่นใจ” สร้างกุศลด้วยการกินเจ

ถือศีลกินเจ ชีวิตก้าวสู่แดนสวรรค์ ในความศรัทธาของความเชื่อกลุ่มกินเจ ไม่แตกต่างจาก ชาวมังสวิรัติ มีเป้าหมายเพื่อความสะอาดท้อง สะอาดใจ แม้ลักษณะอาหารที่ปรุงเพื่อมังสวิรัติจะ ปรุงด้วยพืชผักทุกชนิด หากแต่ อาหารเจ นอกจากเว้นเนื้อสัตว์แล้ว ยังละห่างการปรุงพืชพัก กลิ่นฉุน 5 ประเภท ประกอบด้วย กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว คือกระเทียมโทนจีน บ้านเราไม่ นิยมปลูก, กุ้ยฉ่าย ใบคล้ายใบหอมแต่แบน เล็กกว่า สุดท้ายก็คือ ใบยาสูบ
ความนิยมในการกินเจของคนไทยนั้น เทศกาลกินเจ ถือเอาวันตาม จันทรคติ ตามปฏิทินจีน ในวันขึ้น 1 ค่ำถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ถิ่นซึ่งขึ้นชื่อลือไกล ในความยิ่งใหญ่ของเทศกาลถือศีลกินเจ ต้องที่ดินแดนไข่มุกอันดามัน นครภูเก็ต ใกล้เชียงใหม่เข้ามาหน่อยต้องที่ปากน้ําโพ นครสวรรค์ สําหรับ นครเชียงใหม่ การจัดเทศกาลถือศีลกินเจ ส่วนใหญ่จะยึดหัวหาดลานพุทธสถาน เป็นที่จัดงาน ด้วยความร่วมมือขององค์กรการกุศล มูลนิธิต่างๆร่วมกับท้องถิ่นเปิดโรงทานให้เข้าคิวรับเมนูเจ ตลอด 9 วัน 9 คืน วันละ 3 มื้อ เผลอๆ บางวันมีคนเด่น คนดังในจังหวัด โชว์ลีลา ปรุงสูตรเจพิเศษ เพื่อเมนู เจเด็ดๆ ในวันนั้นด้วย
หากชอบความเป็นส่วนตัว สามารถซื้อหา แวะเวียนเข้าไปตาม ร้านขาย อาหารเจ สังเกตง่ายๆ จะมีป้ายธงสีเหลือง ปักอักษรจีน ที่อ่านว่า ใจ-เจ ซึ่งแปลว่า “ไม่มีของคาว” คําว่า “เจ” ในภาษาจีนคงทราบกันแพร่หลายแล้วว่า ความหมาย ทางพุทธมหายาน แม้จริงแล้วคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เสมือน ชาวพุทธผู้เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติของการถือ “อุโบสถศีล” การรักษาศีล 8 หนึ่งมื้อกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย น่าจะสะท้อนหลักธรรมที่เรียบง่าย แต่มั่นคงนิรันดร์ของการกินเจ เป็นการดํารงชีวิตด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียน ผู้อื่น ซึ่งหมายความถึงการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพราะอาหารเจนั้น งดเว้นการ ปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท
ด้วยหนทางแห่งการบริโภคอาหาร ที่ไม่ยึดติดความอร่อยลิ้น หากแต่นําไปสู่วิถีทางในการนําพืชผักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมา ปรุงอาหาร เว้นเฉพาะพืชผักฉุน 5 ประเภทออกไป ยังสามารถทําให้ชีวิต เจริญเติบโตงอกงาม ในช่วงชีวิตคนเรา ถ้าถือเกณฑ์ 60 ปี เป็นสูตร มาตรฐาน มีการคิดคํานวณว่า เราต้องบริโภคปลา กว่า 2 แสนตัว เป็ดไก่ กว่า 2 หมื่นตัว สัตว์ใหญ่วัวควายอีกร่วม 3 พันตัว ที่เดียวทุกศาสนาล้วนอบรมสอนธรรม ให้ยึดถือความเมตตา ไม่เบียดเบียนชีวิตสรรพสัตว์
การสืบทอดแนวบรรพชน ในการถือศีลกินเจจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นต่อๆ กัน ไปนั้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงพลังแห่งชีวิต ของผู้กินเจ ยังคงมีพลานามัยที่สมบูรณ์ มีจิตใจ เบิกบาน มีความสุขสดใสในชีวิตอานิสงฆ์ของการไม่บริโภคเนื้อสัตว์นั้น มีความเชื่อ ในสายธารศรัทธามียาวนาน และตลอดไปว่า จะเป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ลองสังเกตบุคคลทั่วๆ ไปในสังคม จะพบเห็นความอิ่มเอิบสดใส บนใบหน้า และ ดวงตาที่เปล่งประกาย มีเสน่ห์ยั่วใจให้อยากทําความรู้จัก นี่คือเรื่องจริง ไม่ได้โม้!และคนที่กินเจนั้น จิตอันเป็นมหาเมตตาจะบัง เกิดขึ้น เป็นคนมีเสน่ห์ สามารถตัดขาด ความอาฆาตมาดร้าย ดับอารมณ์ที่คิดไม่ดีในใจลงได้ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย เพราะในความเชื่อของหมู่ชนชาวจีนนั้น เชื่อว่าอาหารและยามาจากแหล่งเดียวกัน เมื่อบริโภคอาหารที่มีประโยชน์มีคุณค่า ก็เท่ากับได้รับยาบํารุงร่างกาย ทําให้มีอายุยืน

การถือศีลกินเจที่แท้จริงนั้น อย่าเพียงแค่ปฏิบัติไปตามกระแส พอช่วงเทศกาลเจ ก็บริโภค กินเจเพราะถือว่าแค่แวะเข้าโรงทานก็ได้กินอาหารฟรี ครบ 3 มื้อ อาหารเจ แม้จะเป็นอาหารที่มีคุณค่า ก่อเกิดประ โยชน์ ทําให้สะอาดท้อง แต่เบื้อง ต้นของการเปิดปาก กินเจเข้าไปต้องพึงระลึกด้วยว่า กุศลจะบังเกิดขึ้นได้นั้น ปากต้องสะอาด ไม่พูดยุยง ใส่ร้ายป้ายสี ทะเลาะเบาะแว้ง พูดให้แตกความสามัคคี
ประการสําคัญ คนกินเจ ใจต้องเจ มีความบริสุทธิ์ใจ คิดดี ทําดี การกินเจต้องพร้อม ทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ใช่เพียงแค่แวะซื้ออาหารเจ กินเข้าไปแล้ว คิดว่า ได้โปรดสัตว์ ได้ทําบุญ สร้างกุศลให้เกิดขึ้น การกินเจ จากหลักการไม่เบียดเบียน นํามาซึ่งความสงบสุข เราสามารถสร้างสุข เข้าถึง สวนสวรรค์ บนแผ่นดินนี้ได้ ด้วยการกินเจ แต่ต้องถึงพร้อมทั้ง กาย วาจา และใจด้วย อย่างไรก็ตามประเพณีความเชื่อในทัศนคติที่มีต่อ เทศกาลกินเจ แต่ละท้องถิ่น แต่ละจังหวัด ควรช่วยกันสืบสานรักษาไว้ให้คงอยู่คู่สืบทอดเป็นสายธารแห่งชีวิตตราบนานเท่านาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น