จับเพิ่มอีก 1 แก๊งอุ้มฆ่านาหวาย

ตำรวจสืบสวนภูธรเชียงใหม่ ตามรวบผู้ต้องหาแก๊งอุ้มฆ่าขบวนการยาเสพติด “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันชิงทรัพย์”ปมหักหลังเรื่องยาเสพติด หลังหลบหนีกบดานทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯถูกตำรวจสืบสวนภูธรเชียงใหม่ นำหมายศาลตามจับกุมตัว เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2561 เวลา 08.00 น.โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ รรท.ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รรท.ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.ชินวิช วิชัยธนพัตน์ รอง ผบก.สส.ภ.ภ.5 , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.วรพงษ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ฯ ,พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รอง ผบก.ฯ, พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ฯ , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ รอง ผบก.ฯ , พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.ปกรณ์ ผาทอง ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.ฤกษ์ชัย แสงสว่าง ผกก.สภ.นาหวาย , พ.ต.ท.จิรัฎฐ์ โรจน์บวรวิทยา รอง ผกก.สส.1 , พ.ต.ท.นิติพันธ์ สังขกร รอง ผกก.สส.1 ,พ.ต.ท.สุระพล เทพเสน รอง ผกก.สส.สภ.นาหวาย ,พ.ต.ท.วรภาส ศรีอ่อน รอง ผกก.ป.สภ.นาหวาย ,พ.ต.ท.สมบัติ อินถอด รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.นาหวายฯพ.ต.ท.ทนันชัย พอพิน บก.สส.ภ.5 พร้อมเจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ อันมี พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.ท.ธนัญณ์ชัย วงค์สุริยะไท สว.กก.สส.ฯ , พ.ต.ต.อาคม ศรีฟอง ,ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ อุ่นเมืองอินทร์ , ร.ต.อ.ศรัณย์ ศรีพักตร์ , ร.ต.อ.ธรรศพงศ์ ธนันอมรพงศ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหวาย

ได้ร่วมกันจับกุมัวนายพงษ์ชัย เพ๊ชรน้อย อายุ 37 ปี ที่อยู่ 15 ซอยราษฎร์อุทิศ 60 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.690/2561ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2561 โดยกล่าวหา “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันชิงทรัพย์” จับกุมได้ขณะหลบหนีมาทำงานก่อสร้างบริเวณไชด์งานไม่มีชื่อภายในซอยสรงประภา 26 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ นำตัวส่ง สภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ทั้งนี้ก่อนการจับกุมเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 15.00-17.30 น. ได้เกิดเหตุคดีฆาตกรรมในท้องที่ สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตชื่อนายอาเล สีวัวะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247 หมู่ที่ 11 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เหตุเกิดที่บริเวณ เชิงเขาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้านป่าบงงาม หมู่ที่ 11 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ตำรวจชุดสืบสวนของ กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมกันชุดสืบสวนของ สภ.นาหวาย ลงพื้นที่ทำการสืบสวนหาข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายผู้กระทำผิดในคดีนี้

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวนภูธรเชียงใหม่ นำโดย พ.ต.อ.ปกรณ์ ผาทอง ผกก.สส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ รอง ผกก.สส.กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคือ นายสุทัศน์ จันทวงค์ บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 1 ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ และ นายฉลอง สมเพชร บ้านเลขที่ 25/13 หมู่ที่ 3 ต.พยอม อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยของกลาง คือ รถยนต์กระบะ แค็บ ยี่ห้อฟอร์ด สีเทา คันหมายเลขทะเบียน ผค – 6735 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน ,รถยนต์กระบะ แค็บ ยี่ห้อฟอร์ด สีเทา คันหมายเลขทะเบียน บร – 8435 พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 คัน,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย สีดำ จำนวน 1 เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อเอไอเอส รุ่นลาวา สีดำ จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหา “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันชิงทรัพย์” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพสาเหตุมาจากเรื่องเงินยาเสพติด
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนขยายผลและสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดอีก 2 คน คือ นายพงษชัย เพ็ชรน้อย ตามหมายจับฯ ที่ 690/2561 ลงวันที่ 10 ต.ค.2561 ในข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันชิงทรัพย์” ส่วนผู้ว่าจ้าง ชื่อนายอาเล ชาวว้าแดง ได้หลบหนั อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทางตำรวจภค 5 ตำรวจภูธรเชียงใหม่ ตำรวจ สภ.นาหวาย จะได้เร่งดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป