คืบหน้ากรณีโพสต์โซเชียล หมาถูกสาวอ้างไม่ตั้งใจ ขับกระบะทับหัวเละตายคาที่ อส.องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ ยันดำเนินคดีถึงที่สุด

จากกรณีที่วานนี้ (24 ต.ค.61) ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Narinthad Nantawan Na Ayutthaya” ได้โพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 ต.ค.61 ที่ศูนย์บ้านพักข้าราชการ จ. เชียงใหม่ หรือ บ้านพักข้าราชการเชียงใหม่ 700 ปี เป็นเหตุการณ์ที่สุนัขตัวไร้เจ้าของตัวหนึ่ง นอนตายอยู่บนทางเท้าในสภาพที่หัวถูกทับและมีเลือดไหลนองเต็มพื้น ระหว่างอาคารชุดหมายเลข 18 และ 19 โดยที่มีเพื่อนสุนัขอีกหลายตัวนั่งเฝ้าล้อมรอบ ซึ่งหลังเกิดเรื่องได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเกี่ยว ข้อง เข้าตรวจสอบทั้งพูดคุยกับผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าสุนัขตัวดังกล่าวถูกรถยนต์กระบะของผู้พักอาศัยในอาคารชุด ที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งขับทับสุนัขตัวดังกล่าวที่นอนขวางหน้ารถอยู่

โดยผู้หญิงคนดังกล่าว อ้างว่ามองไม่เห็นและไม่รู้ว่าขับรถทับสุนัข อย่างไรก็ตามมีพยานยืนยันว่าคนขับรถได้ลงจากรถมาดูหลังจากที่ทับสุนัขแล้ว และขับรถออกไป ซึ่งผู้โพสต์ระบุว่าแม้ว่าในศูนย์บ้านพักข้า ราชการจังหวัดเชียงใหม่ จะมีสุนัขไร้เจ้าของนับร้อยตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสุนัขตัวดังกล่าว เป็นสิ่งที่ดูโหดร้ายทารุณเกินไป และอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสุนัขตัวนี้ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ทั้งการแชร์ต่อและเข้าไปแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ตำหนิผู้หญิงที่ขับรถทับสุนัขจนตาย และต้องการให้แสดงความรับผิดชอบ หรือโดนลงโทษตามกฎหมาย
ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Narinthad Nantawan Na Ayutthaya” คือ น.ส.นรินทร์ธัช นันทวัน ณ อยุธยา อายุ 38 ปี อส.องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ “สัตว์:สิทธิและโอกาส” Thailand Animal Rights Alliance(TARA) เปิดเผยว่า โพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกร้องและทวงความเป็นธรรมให้กับสุนัขตัวที่ตาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ต.ค.61 ระหว่างที่ตัวเองและทีมงานลงพื้นที่เก็บข้อมูล เกี่ยวกับสุนัขไร้เจ้าของที่ศูนย์บ้านพักข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เพื่อวางแผนเกี่ยวกับการทำงานแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัด ด้วยการทำหมันและฉีดวัคซีน ซึ่งระหว่างนั้นประสบเหตุดังกล่าวและเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะสุนัขนอนอยู่บนทางเท้าไม่ใช่กลางถนน จึงเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ จนกระทั่งติดตามพบตัวผู้หญิงคนที่ขับรถ ที่จอดบนทางเท้าไปทับสุนัขตัวดังกล่าวตาย โดยผู้หญิงคนดังกล่าวอ้างว่า ไม่เห็นสุนัขและไม่ทราบว่าขับรถทับสุนัขตาย
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ และลงบันทึกประจำวันไว้ว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการร่วมสนับสนุนการทำงานแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัด ด้วยการทำหมันและฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามล่าสุดมีพยานที่เห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่าผู้หญิงคนดังกล่าวขับรถทับสุนัข แล้วยังจอดรถลงมาดูรถตัวเองก่อนที่จะขับรถออกไป โดยไม่แยแสสุนัขตัวที่ถูกทับจนตาย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกับที่ผู้หญิงคนดังกล่าว ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นจึงจะมีการเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือกอีกครั้ง พร้อมพยานที่จะเดินทางเข้าร่วมให้ข้อมูลด้วย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้หญิงคนดังกล่าว เรียกร้องและทวงความเป็นธรรมให้กับสุนัขตัวที่ตายไป
ขณะที่จากการลงพื้นที่ศูนย์บ้านพักข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่  บริเวณจุดเกิดเหตุที่สุนัขตาย พบว่าอยู่บนเกาะกลางถนนระหว่างอาคารชุดหลังที่ 19 กับ 18 โดยพบคราบเลือดหลงเหลืออยู่บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกลงมาตลอดทำให้น้ำชะล้างคราบเลือดออกไป ซึ่งจากการสอบ ถามผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง บอกว่า เบื้องต้นทราบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ไม่ได้เห็นเหตุ การณ์ด้วยตัวเอง
สำหรับสุนัขตัวที่ตายนั้น เท่าที่เคยเจอและให้อาหารกิน พบว่าไม่ได้มีนิสัยดุร้ายแต่อย่างใด ซึ่งจาก เหตุ การณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวยอมรับว่า รู้สึกหดหู่อย่างมาก ส่วนปัญหาสุนัขจรจัดภายในศูนย์บ้านพักข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่นั้น ในฐานะผู้อยู่อาศัยยอมรับว่ามีจำนวนมาก ซึ่งทางผู้บริหารศูนย์บ้านพัก ได้พยายามแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการออกกฎและขอความร่วมมือห้ามให้อาหารสุนัข แมวและนก เพื่อบรรเทาปัญหา รวมทั้งจะมีการทำหมันสุนัขด้วย

นอกจากนี้จากการติดต่อพูดคุย เพื่อขอสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากทางสำนักงานศูนย์บ้านพักข้าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นได้รับการปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยให้เหตุผลว่าต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ระดับจังหวัดที่กำกับดูแลศูนย์แห่งนี้อยู่ และกรณีที่เกิดขึ้นได้มีการแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก เพื่อการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพบว่าอาจจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ

ร่วมแสดงความคิดเห็น