เหลืองอร่ามทั้งขุนดอย เที่ยวทุ่ง “ดอกบัวตอง” ที่แม่อูคอ

หลายต่อหลายครั้งที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการท่องเที่ยว ทั้งจากนักวิชาการ ทั้งจากมัคคุเทศน์และจากนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเอง ทำให้พบว่า สถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายผวิลหาไม่ใช่เมืองเชียงใหม่อย่างที่หลายท่านคิดเอาไว้ อาจเป็นเพราะเชียงใหม่นั้นมีส่วนคล้ายกับกรุงเทพมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเบื่อหน่ายกับปัญหารถติดและมลพิษทางอากาศเสียมากกว่า

นักท่องเที่ยวหลายคนจึงมุ่งหน้าสู่เมืองเชียงรายหรือไม่ก็เมืองน่านที่เงียบสงบอบอุ่นด้วยวัฒนธรรม ไม่งั้นก็ฉีกตัวเองไปเยือนเมืองสามหมอกแม่ฮ่องสอนเสีย พอจะเป็นรูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำซากจำเจและไม่ต้องมากระจุกอยู่ในเชียงใหม่เท่านั้น

จะว่าไปแล้วเมืองแม่ฮ่องสอน หรือ เมืองสามหมอก นั้นก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะความที่เป็นเมืองเล็ก เงียบสงบทั้งยังมีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย การเดินทางก็สะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก อะไรเหล่าที่นักท่องเที่ยวผู้ผวิลหาธรรมชาติอย่างเราๆ ท่านๆ จะไม่พาตัวเองไปเยือนเมืองแห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิตเชียวหรือ.. ?
โดยเฉพาะเส้นทางจากเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน ผ่านทางอำเภอหางดง สันป่าตอง จอมทองก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางแม่สะเรียงเข้าสู่แม่ฮ่องสอนนั้น ว่ากันว่าเป็นเส้นทางโค้งอันพิสุทธิ์สวยงามจับใจสายหนึ่งของเมืองไทยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมิชชั่นนารีคนหนึ่งที่ต้องเดินทางเข้าไปเผยแพร่ศาสนาในดินแดนอันไกล้โพ้น มิชชั่นนารีหนุ่มหยิบเอาเมล็ดพันธุ์วัชพืชชนิดหนึ่งห่อใส่กระเป๋าไปด้วย ครั้นถึงจุดหมายก็หว่านโปรยเมล็ดพันธุ์ลงบนแผ่นดิน ให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการบุกเบิกช่วยเหลือเพื่อน
มนุษย์พร้อม ๆ กับแพร่กระจายคำสอนทางศาสนาให้งอกเงยงดงามดุจเดียวกัน

หลายสิบปีผ่านไป ไม่มีใครรู้ว่ามิชชั่นนารีคนนั้นจากไปแล้ว และจากไปไหน สิ่งที่หลงเหลือเป็นร่องรอยพอให้รำลึกถึง คือหมู่บ้านชาวเขาที่เปลี่ยนศาสนาตามมิชชั่นนารีกันทั้งหมู่บ้าน คุณภาพชีวิตของผู้คนในถิ่นนี้ดีขึ้น กับทุ่งดอกไม้อันอลังการอีกอย่างน้อย 1-2 ทุ่ง ซึ่งดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วสารทิศให้เดินทางมาที่นี่กันอย่างเนืองแน่นในทุก ๆ ปี
หลังเทศกาลยี่เป็งของเชียงใหม่ไปนานนัก ก็เป็นช่วงของเทศกาลดอกบัวตองบาน เป็นที่รู้กันของนักท่องเที่ยวว่า เมื่อสัญจรแรมทางขึ้นมาเที่ยวงานเทศกาลยี่เป็งของเชียงใหม่แล้วก็จะต้องอดใจรอชมความสวยงามของทุ่งบัวตองด้วย ซึ่งตลอดทั้งปีดอกบัวตองนี้จะชูช่อเบ่งบานอวดสีสันกันแค่ 2 เดือนเท่านั้น คือในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม จากนั้นก็จะหุบเหี่ยวกลายเป็นวัชพืชไป

สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ที่เหลืองอร่ามทั้งขุนดอยแม่อูคอในเวลานี้ ก็ให้รีบสะส่างการงานให้เรียบร้อย เพราะจากนี้อีกไม่นานดอยที่เหลืองอร่ามก็จะกลายเป็นภูเขาหัวโล้นดีดีนี่เอง ! เพราะถ้าเกิดท่านเดินทางไปในช่วง “ลองวีคเอนด์” ก็จะทำเอารถติดยาวเหยียด ต้องมาแย่งที่กางเต็นท์ แย่งกันเข้าห้องน้ำอีก แหล่งดอกบัวตองในแม่ฮ่องสอนมีอยู่ 2 แห่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเที่ยวกันก็คือ ที่ดอยแม่อูคออยู่ในเขตอำเภอขุนยวม มีทุ่งบัวตองสุดลูกหูลูกตา แต่ต้องขับรถขึ้นดอยไปไกลพอสมควร ส่วนที่ดอยแม่เหาะอยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง ติดถนนสายฮอด – แม่สะเรียง ความอลังการน้อยกว่า แต่ไปง่ายกว่า พูดง่าย ๆ ว่า “ขาลุย” ต้องไปแม่อูคอ แบกเป้ไปกางเต็นท์ในอ้อมกอดของทุ่งบัวตองแสนโรแมนติก ส่วนสำหรับท่านที่มีเวลาน้อยและชอบความสบายก็ให้ไปที่แม่เหาะ เพราะที่นี่มีร้านอาหารและร้านกาแฟไว้บริการ
ดอกบัวตอง (Mexican Sunflower) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกากลางและหมู่เกาะอินเดียตะวันตก ดอกบัวตองจัดเป็นวัชพืชวงศ์เดียวกับ ทานตะวัน ดาวเรืองและต้นสาบเสือ ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับดอกทานตะวัน บางครั้งมันจึงถูกเรียกว่า ทานตะวันป่า หรือ ทานตะวันดอก ขณะที่ชาวล้านาเรียก บัวตอง ดอกบัวตองมีกลีบดอกสีเหลืองลักษณะคล้ายกับดอกทานตะวัน แต่กลีบดอก ต้น ช่อใบ มีขนาดเล็กกว่า ดอกจะหันหน้ารับแสงอาทิตย์ตลอดเวลาเหมือนดอกทานตะวัน ชอบขึ้นและเจริญงอกงามในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น โดยเฉพาะจะสวยงามสมบูรณ์บนยอดดอยที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกิน 800 เมตรขึ้นไป จะออกดอกช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมเท่านั้น
แหล่งที่สามารถชมทุ่งบัวตองได้สวยงามคือ บนดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม เส้นทางเข้าทุ่งบัวตองเป็นถนนลาดยาง เลยทุ่งบัวตองขึ้นไปนิดหน่อยมีโครงการกล้วยไม้รองเท้านารี กล้วยไม้ที่ว่ากันว่าสวยงามและแปลกชนิดหนึ่ง หรือจะเดินทางต่อเข้าสู่อุทยานน้ำตกแม่สุรินทร์ น้ำตกที่มีความสูงกว่า 150 เมตรมีน้ำไหลตลอดปี สามารถกางเต็นท์แบบแคมปิ้งได้ ขากลับแวะถ่ายรูปชมสวนแครอทซื้อของฝากชาวม้ง ตามรายทางมีน้ำตกเล็ก ๆ สามารถลงเล่นน้ำไปสบาย ๆ และที่ลืมไม่ได้คือพิพิธภัณฑ์ทหารญี่ปุ่น มีอุปกรณ์ เครื่องมือ อาวุธของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ในอำเภอขุนยวม.

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น