ปราบไม่หมด จับยึดไม้ชิงชัน รถไถ กลุ่มนายทุนค้าไม้ข้ามชาติ เขตติดต่อ บ้านหลวง – เวียงสา

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 03.45 น. ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 เวลา 16.30 น.โดยการอำนวยการของ นายภูษิต พรหมมาณพ ผอ.สำนักฯ นายชัยรัตน์ แสงปาน ผอ.ส่วนป้องกันฯ/ผอ.ศปก.พป.พร.-นน. และนายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.ศูนย์ป่าไม้น่าน /นายมนตรี พลภักดี หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.13(น้ำสา)หน.ชปก.พป.พร.-นน.ที่ 1 และนายณัฐชนน คนสูง หน.สายตรวจปราบปรามฯสาย 2 น่าน / ร.ต.ท.สมบัติ แกล้วกล้า ตำรวจ ศปทส.ภ.จ.น่าน ร่วมกับ จนท.-หน่วยฯนน.13(น้ำสา)/ชปก.พป.พร.-นน.ที่ 1 / สายตรวจปรามสาย2 น่าน / ชดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ / ตชด.324 น่าน / กก.4บก.ปทส.น่าน / ศปป.ที่ 3 ภาคเหนือ / ฝ่ายปกครอง อ.เวียงสา / ทหาร หมู่ รส.ที่ 2 ร้อย รส.ที่ 3 มทบ.38 / ทหาร ม.พัน15 ชุด รส.อ.เวียงสา / จนท.ตำรวจ ศปทส.ภ. 5 และ ตำรวจ ศปทส.ภ.จ.น่าน จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้

หลังจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของคืนวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 จะมีกลุ่มนายทุนค้าไม้ชิงชันข้ามชาติ ซึ่งเป็นราษฎรในพื้นที่อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน เข้ามาลักลอบทำไม้และกำลังแปรรูปไม้โดยเลื่อยโซ่ยนต์ อยู่ที่บริเวณป่าห้วยย่าไฮ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำสาฝั่งขวาตอนขุน พื้นที่บ้านนาก้า หมู่ที่ 1 ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่านใกล้เขตพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอเวียงสา และ อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน และจะได้ลำเลียงขนย้ายไม้ชิงชันที่ทำการแปรรูปออกจากป่าโดยใช้รถไยไม้ชิงชันที่ทำการแปรรูปออกจากป่า โดยรถกระบะ 2 ล้อ พ่วงดัดแปลงเป็นรถลากจูง ซึ่งจะใช้รถไถคูโบต้า ล้อยาง ลากลัดเลาะไปตามเส้นทางในบริเวณป่าห้วยย่าไซข้ามเขตพื้นที่รอยต่อไปยังเส้นทางสายบ้านฮากฮาน ผ่าน นาก้า อ.เวียงสา ข้ามเขต ไปยัง บ้านโปร่งศรี ต.บ้านฟ้า อ.บ้านหลวง จ.น่าน

จากนั้นจนท.ชุดดังกล่าวได้ทำการดักซุ่มรออยู่ทางของเส้นทางดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 04.40 น. ของวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ได้มีรถไถคันหนึ่ง ซึ่งได้มีลักษณะตามที่ได้รับแจ้ง วิ่งผ่านมาจึงออกมาและส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดได้มีชายผู้ขับขี่ได้ดับเครื่องยนต์ ได้แยกย้ายวิ่งหลบหนีเข้าป่าไปพร้อมกับชาย 4-5 คน ที่นั่งมากับรถพ่วงฝ่าความมืดไปคนละทิศละทางจึงไม่สามารถติดตามจับกุมได้

จนท.ชุดจับกุมจึงร่วมกันตรวจสอบที่รถไถพบว่าคนขับได้ถอดเอาลูกกุญแจไปด้วย จึงได่ร่วมกันตรวจสอบที่กระบะท้ายรถพ่วงพบไม้ชิงชันแปรรูปมาเต็มคันรถโดยใช้ผ้าผ้าใบสีเทาสภาพเก่าปกคลุมและผูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนาจากการตรวจสอบพบไม้แปรรูปเป็นไม้ประเภทไม้กระยาเลยหวงห้าม ชนิดไม้ชิงชันและไม้ประดู่ ซึ่งไม้ที่พบเป็นไม้ที่มีลักษณะใหม่สดไม่มีร่องรอยว่าเคยผ่านสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้อื่นใดมาก่อนและไม่มีรูปรอยดวงตาของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐตีประทับตราไว้แต่อย่างไร

จากการตรวจสอบไม้ชิงชันของกลางแปรรูป จำนวน 8 แผ่น/เหลี่ยม นปริมาตร 0.05 ลบ.ม.คิดเป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน 15,000 บาท และไม้กระยาเลยวงห้าม(ประดู่)แปรรูป จำนวน 51 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.34 ลบ.ม.เป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน 23,800 บาท

จนท.ชุดจับกุมจึงได้ทำการบันทึกภาพถ่ายในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานก่อนได้ทำการตรวจยึดของกลางพร้อมได้ตรวจยึด
1.รถไถล้อยาง ยี่ห้อ คูโบต้า สีส้ม รุ่น L 3008 ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมรถพ่วงลากจูงชนิดโครงเหล็กกระบะทำด้วยไม้จำนวน 1 คัน
2.เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อสติล สีส้มจำนวน 1 เครื่อง พร้อมบาร์ยาว 24 นิ้ว อุปกรณ์ทำไม้ จำนวน 1 ชุด ที่ใช้บรรทุกไม้ชิงชันแปรรูปไว้เป็นยานพาหนะของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด พร้อมนำของกลางทั้งหมดที่ทำการตรวจยึด มายังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.13(น้ำสา) ชุดปฏิบัติการร่วมพิทักษ์ป่าพื้นที่รอยต่อจังหวัดแพร่-น่านที่ 1 และนำเอกสาร
ทั้งหมด ส่ง ร.ต.อ.นัธทวัฒน์ สมแสง พงส.สภ.เวียงสา
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า

จากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิด ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ม.48 และประกาศของ คสช.ฉบับที่ 106/2557 ม.70 ฐาน มีไม้ชิงชันแปรรูปไม่ว่าจำนวนเท่าไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, ผู้ได้รับประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาเสียให้พ้นซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยกระทำผิดต่อบทแห่งพรบ.นี้มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น / มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อเร่งติดตามหาตัวผู้ที่กระทำผิดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น