โรงเรียนสา จ.น่าน ออกประกาศสั่งยกเลิกระเบียบ เกี่ยวกับการสวมเสื้อกันหนาวนักเรียน

หลังจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย.61 สังคมออนไลน์เผยแพร่พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ประกาศของ ผอ.โรงเรียนสา อ.เวียงสา จ.น่าน ที่บังคับให้นักเรียนต้องใส่เสื้อกันหนาวของโรงเรียนเท่านั้น พร้อมสั่งคุณครู หากพบนักเรียนใส่เสื้อหนาวแบบอื่น สามารถยึดเสื้อและส่งตัวเด็กให้ฝ่ายกิจการนักเรียน เพื่อให้ลงชื่อรับทราบ และรับเสื้อคืนได้ตั้งแต่เย็นวันนั้น จนกว่าจะสิ้นสุดภาคเรียน ขึ้นอยู่กับจำนวนการกระทำความผิด

ทั้งนี้หลังโพสดังกล่าว เผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้าไปแชร์โพส พร้อมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ เห็นด้วย , บางคนก็มองว่าโรงเรียนจำกัดสิทธิเสรีภาพมากเกินไปหรือไม่ , บางส่วนมองว่าการออกกฎเช่นนี้ เป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง ที่ต้องจ่ายเงินซื้อเสื้อกันหนาวของลูกเพิ่ม บางส่วนมองว่าโรงเรียนหารายได้ ฮั้วร้านจำหน่ายและยังมีบางส่วนอยากให้ทางโรงเรียนผ่อนปรนในเรื่องระเบียบดังกล่าว

จากนั้นเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ ได้มีประกาศชี้แจงออกมาจากทางโรงเรียนสา ว่าระเบียบการทั้งหมดได้มีการประชุมจากผู้ปกครองนักเรียน เรียบร้อยแล้วและ มีผู้ปกครองของนักเรียนเห็นชอบยกมือในที่ประชุมเกินกว่า 90% รายละเอียดการชี้แจงตามเอกสาร โดยเสื้อแจ๊คเก็ตของนักเรียน มีราคาอยู่ที่ 400 บาท โดยจะรวมอยู่กับค่าเทอมของนักเรียน ที่สมัครเข้าเรียนครั้งแรก ตอนเข้า ม.1 เท่านั้น จากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนักเรียนว่าจะซื้อเพิ่มเติม หรือว่า รอจนเสื้อใส่ไม่ได้ แล้วค่อยซื้อใหม่ ไม่ได้บังคับซื้อทุกปี

ทางด้าน นายธีรพงษ์ แก้วจำปา ตัวแทนนักเรียนได้กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ทางนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนสา นั้นรู้สึกเสียใจ โดยกฎระเบียบดังกล่าวเป็นกฎของโรงเรียน แต่ที่เสียใจคือ เมื่อสื่อโชเซียลมีเดีย ตีความออกไปแบบผิดๆนั้น ทำให้กระทบถึงชื่อเสียงโรงเรียน และกระทบกับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนด้วย โดยทางนักเรียนโรงเรียนสา ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ นี้มาตั้งแต่เข้าเรียน แต่การที่สื่อโซเชียลออกไปแบบไม่เข้าใจ หรือตีความหมายผิดนั้น ทำให้เกิดเสียชื่อเสียงเกิดขึ้น

ทางด้าน นายสมเพชร งามธุระ ผอ.โรงเรียนสา กล่าวว่า โดยเป็นกฎระเบียบของโรงเรียนที่ทำกันมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว โดยตั้งแต่ ผอ.คนก่อนๆ โดยปกติจะประกาศแค่เพียงในโรง เรียน แต่ในครั้งนี้ เป็นการประกาศขั้นบนเฟซบุ๊กของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนรับทราบ จึงกลายเป็นกระแสสังคม และวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและมีการบิดเบือนความจริงไปเรื่อยๆ จากกระแสวิจารณ์ ซึ่งในขณะนี้ ทางโรงเรียนได้ประกาศชี้แจงออกมาแล้ว และในตอนนี้ได้ประกาศยกเลิกประกาศ ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น