รัฐบาลฟุ้ง !! แก้หนี้นอกระบบ เสร็จไปกว่าครึ่ง มูลค่ากว่า 7,400 ล้าน

รัฐบาลเผยผลแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแก่ผู้ลงทะเบียนเกินครึ่งแล้ว รองนายกรัฐมนตรีย้ำแนวทางเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือช่วยเหลือกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว และการฟื้นฟูและพัฒนาด้านรายได้ตามศักยภาพผู้ที่ได้รับการแก้หนี้นอกระบบแล้วให้เกิดความเข้มแข็งและยืนหยัดด้วยตนเอง

พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าครึ่ง จากข้อมูลภาพรวมที่มีประชาชนเป็นลูกหนี้นอกระบบเกือบ 9 แสนรายทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานได้ร่วมกันช่วยเหลือเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้และจัดทำข้อตกลงที่เป็นธรรมตามสภาพหนี้จริงแล้ว จำนวน 537,637 ราย

การดำเนินงานเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน ได้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยและจัดทำข้อตกลงที่เป็นธรรมกับลูกหนี้ได้เพิ่มอีก จำนวน 118,361 ราย สามารถคืนทรัพย์สินให้กับประชาชน 6,119 ราย มูลค่ารวมกว่า 7,400 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดิน 5,334 ฉบับ จำนวนเนื้อที่กว่า 20,000 ไร่ รวมทั้งทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ

สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้ 161 ราย ซึ่งพบการกระทำผิดแอบแฝง ฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบประชาชนหลายรูปแบบ ยึดของกลางมูลค่า เกือบ 80 ล้านบาท สามารถคืนทรัพย์สินให้ประชาชน มูลค่า 609 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดิน เนื้อที่กว่า 2,200 ไร่

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำว่า ยังมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้นอกระบบอีกจำนวนมาก ที่ลงทะเบียนไว้แล้วและยังไม่ได้รับแก้ไข ซึ่งสถานภาพดังกล่าวกระทบความเดือดร้อน ยากลำบากไปถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว ทั้งสภาพจิตใจและคุณภาพชีวิต โดยได้กำชับขอให้ฝ่ายความมั่นคงระดับจังหวัด ของ กอ.รมน. และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานทหารและตำรวจในพื้นที่ เข้าใจถึงความรู้สึกเดียวกัน เร่งเข้าไปช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุนกลไกของกระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ แก้ปัญหาให้กับประชาชน หลุดพ้นจากสภาพการเป็นหนี้นอกระบบโดยเร็ว โดยให้ประสานข้อมูลและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

สำหรับประชาชนที่หลุดพ้นจากสภาพหนี้นอกระบบแล้ว ขอให้ฝ่ายความมั่นคงประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานในพื้นที่ ติดตามการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้ต่อเนื่องกันไป เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย สามารถกลับมายืนด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็งไปด้วยกันให้ได้

ที่มา :สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ร่วมแสดงความคิดเห็น