เรียนรู้ธรรมชาติบนผืนป่าดึกดำบรรพ์แห่งดอยอินทนนท์

เป็นเรื่องน่ายินดีที่บริเวณพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง เมื่อถึงช่วงฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็นเหมาะอย่างยิ่งแก่การกางเต๊นท์พักแรม โดยเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเทือกดอยที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นเมื่อฤดูหนาวมาเยือนที่นี่จึงมีอากาศหนาวเย็นกว่าที่อื่น ๆ

ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อ 2 อำเภอได้แก่อำเภอจอมทอง สันป่าตองและแม่แจ่ม มีพื้นที่ทั้งหมด 301,500 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2515 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 6 ของประเทศอยู่ห่างจากเมืองเชียงใหม่ไปทางใต้ประมาณ 106
กิโลเมตร เมื่อเดินทางขึ้นไปยังดอยอินทนนท์ จะผ่านด่านของอุทยานบริเวณน้ำตกแม่กลาง ระยะทางจากช่วงนี้ขึ้นไปยังยอดดอยประมาณ 47 กิโลเมตรเป็นถนนลาดยางอย่างดี บริเวณสองข้างทางขึ้นไปยังยอดดอยอินทนนท์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

เริ่มจากน้ำตกแม่กลาง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเชียงใหม่ มีน้ำไหลตลอดปี ถ้ำบริจินดา เป็นถ้ำใหญ่อยู่ในเทือกเขาดอยอ่างกา หรือดอยอินทนนท์ อยู่ใกล้กับน้ำตกแม่กลาง เมื่อขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเห็นป้ายทางแยกขวามือทางไปถ้ำบริจินดา ภายในถ้ำมีความลึกหลายกิโลเมตร เพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อย หรือที่คนเหนือเรียกว่า “นมผา” สวยงามมาก ภายในยังมีพระพุทธรูปประดิษฐาน และมีธารหินเมื่อมีแสงสว่างมากระทบจะเกิดประกายระยิบระยับคล้ายดั่งเพชร ลักษณะของถ้ำบริจินดาเป็นถ้ำทะลุสามารถมองเห็นภายในได้ เพราะมีอุโมงค์ซึ่งแสงสว่างจะลอดส่องเข้ามาได้

น้ำตกสิริภูมิและน้ำตกวชิรธาร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าชมแห่งหนึ่ง เพราะเป็นน้ำตกที่สวยงามคนละแบบ น้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกใหญ่ เดิมมีชื่อว่า ตาดฆ้องโยง สายน้ำตกจะไหลจากหน้าผาเบื้องบนตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ตรงข้ามมีหน้าผาสูงเรียกว่า “ผาม่อนแก้ว” ภายหลังเปลี่ยนชื่อให้เพราะขึ้นว่า “ผากรแก้ว” การเดินทางไปยังน้ำตกวชิรธารนี้ง่ายมาก จากเชิงดอยอินทนนท์ขึ้นไปถึงกิโลเมตร 21 จะมีป้ายบอกทางแยกเลี้ยวขวาเข้าน้ำตกซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 300 เมตร ส่วนน้ำตกสิริภูมิเป็นน้ำตกคู่ที่ไหลลงมา
จากหน้าผาสูงเป็นทางยาวสวยงามมาก แต่เดิมน้ำตกนี้มีชื่อว่า “เลาลี” ตามชื่อของหมู่บ้านแม้วเลาลีซึ่งอยู่ใกล้ ๆ น้ำตก

จุดชมวิวและกิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 41 – 42 ด้านซ้ายมือเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติของสังคมพืชหลากหลายกลุ่ม อาทิ ป่าเต็งรัง ป่าผสมผลัดใบ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขาและสังคมพืชกึ่งอัลไพน์ ระยะทางเดินประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 – 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง ก่อนเดินทางควรจะติดต่อขออนุญาตจากที่ทำการอุทยานฯ เพื่อเรียนรู้วิธีเดินและป้องกันอันตราย

พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศ ร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศได้ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษาเมื่อปี 2530 โดยพระธาตุนภเมทนีดล กว้าง 50 เมตร สูง 60 เมตรภายในบรรจุพระบรมสาริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา ส่วนพระธาตุนภพลสิริภูมิ กองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยสร้างถวายเป็นพระราชกุศลและเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยที่เจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี 2535 พระมหาธาตุองค์นี้มีรูปทรงคล้ายกับองค์พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล คือมีสัณฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยมมีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ ยอดปลีขององค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนกลางโถงเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึงจำหลักด้วยหินหยกขาว
บริสุทธิ์

ยอดดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 2,565 เมตรบริเวณนี้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้พื้นที่นี้มีพันธุ์ไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดขึ้นเกี่ยวพันบนต้นไม้ ทำให้มีสภาพคล้ายกับป่าดึกดำบรรพจนเป็นที่มาของชื่อ ต้นไม้ใส่เสื้อ และยังสามารถพบเห็นต้นข้าวตอกฤาษีขึ้นตามพื้นดินคาคบไม้มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีพืชที่หายากหลายชนิดอาทิ กุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี ยอดดอยอินทนนท์แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระสถูปเจ้าพ่ออิน
ทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวและเต็นท์ให้บริการ โดยสามารถติดต่อสำรองที่พักดังกล่าวได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กิโลเมตรที่ 31 อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 0-5326-8550,0-1881-7346 หรือติดต่อได้ที่ส่วนอุทยานแห่ง
ชาติ กรมป่าไม้ 0-2579-7223.

บทความโดย
จักรพงษ์  คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น