7 วันอันตราย คาดเชียงใหม่ทะลุที่ 1 ของประเทศ รองพ่อเมืองสั่งการปรับย้ายที่ตั้งจุดตรวจ

7 วันอันตราย คาดเชียงใหม่ทะลุที่ 1 ของประเทศ แค่ 2 วัน ตายสะสม 5 ราย ครึ่งหนึ่งของปีที่แล้ว จักรยานยนต์ยังครองแชมป์เกิดเหตุ รองพ่อเมืองสั่งการปรับย้ายที่ตั้งจุดตรวจ

วันที่ 29 ธ.ค. 61 ที่ห้องประชุม สนง.ปภ.เชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง ผวจ. เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้อง กันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล พ.ศ. 2562 โดยมีหน่วยงานใน จ.เชียงใหม่ที่ เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจภูธร มทบ.33 สรรพสามิตแขวงทางหลวงทั้ง 3 แขวง แขวงทางหลวงชนบท ท้องถิ่นฯ โดยมี นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ ปภ.เชียงใหม่ ในฐานะเลขานุการศูนย์ฯ รายงานข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ

นายไพรินทร์. ลิ่มเจริญ ปภ.เชียงใหม่ รายงานว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุในวันที่ 2 ของการรณรงค์ (วันที่ 28 ธ.ค.61) จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุขึ้น 14 ครั้ง น้อยกว่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง 5 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 15 ราย แยกเป็นชาย 9 ราย หญิง 6 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 1 ราย อ.ฮอด เป็นพื้นที่ที่มียอดผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย หากนับรวมทั้ง 2 วัน เชียงใหม่มีสถิติสะสมของการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 33 ครั้ง ลดลงจากเทศกาลต้อนรับปีใหม่ปีที่แล้ว 2 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย ลดลง 2 รายเช่นกัน และมีผู้เสียชีวิตสะสมแล้วจำนวน 4 ราย เพิ่มขึ้น 3 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของการรณรงค์เมื่อปีที่ผ่านมา และหากเปรียบเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ปีที่ผ่านมา มียอดผู้เสียชีวิตรวม 10 ราย เท่ากับว่าเพียงแค่ 2 วันของการณรงค์ปีนี้ ยอดผู้เสียชีวิตสะสมมีมากถึงครึ่งของปีที่แล้ว

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง ผวจ. กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติที่ ปภ.เชียงใหม่ รายงาน จะเห็นได้ว่าทุกกรณีที่เกิดเหตุล้วนมาจากปัจจัยเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ เหตุเกิดมากบนทางหลวงถนนสายหลัก เวลาที่เกิดมากก็ยังเป็นช่วงเวลาเดิมๆ คือ ช่วงเวลา 16.00-20.00 น. แต่ที่น่าสนใจคือ อายุที่เกิดเหตุมากที่สุดกลายเป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุ 50 ปี ขึ้นไป แต่รองลงมายังเป็นวัยทำงาน วัยรุ่น ก็ต้องช่วยกันปรามกันต่อไป

“ประเด็นสำคัญคือ ลำดับของการกระทำความผิด สูงสุดเป็นเรื่องการไม่มีใบขับขี่ รองลงมาไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัด ใช้ความเร็วเกิดกำหนด และเมาสุรา ซึ่งเป็นประเด็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดการสูญเสียมาก ล้วนเป็นสาเหตุเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในทุกเทศกาลที่ผ่านๆ มา อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจช่วยหาแนวทางว่า หากไม่มีใบขับขี่ หรือกระทำความผิดทั้ง 5 ฐานความผิดหลักนี้ สามารถยึดรถ กักรถไว้จน กว่าจะสิ้นสุดเทศกาลได้หรือไม่ เพื่อที่จะให้เป็นมาตรการดำเนินการเป็นประจำในทุกเทศ กาล แม้ว่าจะไม่มีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาจากส่วนกลาง” รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

“เพียงแค่ 2 วันเท่านั้นหากนับถึงวันนี้ ซึ่งยังเป็นแค่หนังตัวอย่าง ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 1 ม.ค. จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะเข้าสู่ช่วงที่นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด เดินทางเข้ามาถึง จ.เชียงใหม่ อย่างเช่นเกิดเหตุช่วงเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ อ.ฮอด ซึ่งทำให้ อ.ฮอด มีสถิติการเกิดอุบัติแล้วมีผู้เสียชีวิตสูงสุดของเชียงใหม่ แม้ว่ายังไม่มีการนับรวมกับสถิติในวันนี้ก็ตาม ก็ต้องช่วยกันเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า ขอให้ทุกอำเภอถือปฏิบัติ โดยเฉพาะ อ.ฮอด ให้หาทางปรับหรือเบี่ยงจุดตรวจจุดสกัด ไปตั้งบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุมากๆ ซึ่งพื้นที่รู้ดีว่าเกิดจุดไหนอย่างไร อย่างเช่นที่ อ.ฮอด จุดบ่อแก้วขอให้สนธิกำลังทั้งชุดเคลื่อนที่เร็วของ สภ.ฮอด ตำรวจทางหลวง และชุดเคลื่อนที่เร็วของฝ่ายปกครอง อ.ฮอด ไปช่วยจุดตรวจบ่อแก้ว ซึ่งเป็นด่านแรกที่รับรถจากแม่สะเรียงจะเข้าสู่ฮอด

เพื่อเป็นการสกัดหรือชะลอให้รถที่เข้าสู่ช่วงที่อันตราย และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเป็นประจำ อำเภอพื้นที่อื่นก็เช่นกัน ขอให้ช่วยกันพิจารณาปรับจุดตรวจจุดสกัด ไปตั้งในจุดที่เหมาะสม ส่วนจุดตรวจที่ตั้งหน้าที่ว่าการอำเภอซึ่งถนนแคบ รถใช้ความเร็วได้ไม่มาก ให้ย้ายไปตั้งที่จุดอื่น อย่างเช่นหน้าที่ว่าการ อ.สันป่าตอง ก็น่าจะเปลี่ยนไปตั้งบริเวณน้ำบ่อหลวง บนถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งจะช่วยลดหรือชะลอความเร็วรถที่วิ่งบนถนนคันดลองลงได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น