หนุ่มโพสต์โวย!!! สนามบินเชียงใหม่ ให้จ่ายค่าทำแผล หลังลูกชายถูกน็อตสกรูปลายแหลม ทิ่มทะลุรองเท้าเลือดไหล

หนุ่มโพสต์โวยสนามบินเชียงใหม่ ให้จ่ายค่าทำแผลหลังลูกชายถูกน็อตสกรูปลายแหลมทิ่มทะลุรองเท้าเลือดไหล ขณะที่ล่าสุด ทชม.ออกชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ได้มีสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Ken Wuttipong” ได้โพสต์เรื่องราวเหตุการณ์และข้อความ กรณีที่ได้เกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง ถูกน็อตสกรูปลายแหลมทิ่มทะลุรองเท้าจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขณะไปรับภรรยาที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 ม.ค.62 ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าตัวได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยาน และได้ทำการปฐมพยาบาลทำแผล แต่กลับมีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล เป็นเงินจำนวน 100 บาท

ทั้งนี้ทางเจ้าตัวได้ระบุข้อความในโพสต์ดังกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 17.50 น. เมื่อผมและลูก 2 คน ลูกสาว 5 ขวบ กับลูกชาย 3 ขวบ ไปรับภรรยาที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เที่ยวบิน VZ108 มาถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลา 17.40 น หลังจากที่เจอภรรยาแล้วก็พากันมาที่ทางออกประตู 2 เพื่อข้ามถนนไปที่จอดรถของทางสนามบิน โดยที่ภรรยาอุ้มลูกสาว ส่วนผมจูงลูกชาย

ขณะที่ข้ามทางม้าลายในสนามบินนั้น ก็ได้เดินสวนกับชาวต่างชาติที่ลากกระเป๋า จู่ๆลูกชายผมก็ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็คิดว่าสงสัยชาวต่างชาติคนนั้น เหยียบเท้าลูกชายหรือเปล่า ก็เลยถอดรองเท้าเขาดูว่ามีรอยอะไรไหม ปรากฏว่าเจอตะปูแทงทะลุรองเท้าของลูกผม เลือดออกเต็มรองเท้าไปหมด ก็เลยรีบพากันมาที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ หาน้ำเปล่ามาล้างแผล และพยายามห้ามเลือด ซึ่งภรรยาผมพกน้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูกมาด้วย ก็เลยเอาน้ำเกลือมาล้างแผลด้วย

ช่วงนั้นผมก็เดินไปแจ้ง รปภ. ของสนามบินว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทาง รปภ. ก็มาหาที่รถผม 2 คน และแนะนำว่าไปห้องพยาบาลเพื่อทำแผลเบื้องต้นก่อน ภรรยาผมก็เลยอุ้มลูกชายเดินตาม รปภ.ไป ส่วนผมก็จัดการเก็บของและอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินตามหลังไป ตอนนั้นก็ได้เอาตะปูให้ รปภ. อีกคนดู เขาก็บอกว่าสงสัยช่างเก็บอุปกรณ์ไม่หมด รปภ. คนนี้ ก็ของยืมตะปูกับรองเท้าเพื่อเอาไปถ่ายรูปก่อน พอผมอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้ง ก็ เจอ รปภ. เอาตะปูกับรองเท้ามาคืน ผมก็เลยถามย้ำอีกครั้งว่ามีช่างมาซ่อมแซมบริเวณนี้เหรอ คราวนี้ รปภ. ตอบว่าอาจจะมีรถช่างขับผ่านแล้วทำตะปูหล่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่อยากคาดคั้นคำตอบ เพราะอยากไปดูอาการของลูกชายมากกว่า ก็เลยสอบถามทางไปห้องพยาบาล ซึ่งรปภ.ก็พาเดินไปส่งถึงที่ห้องพยาบาล

เมื่อไปถึงห้องพยาบาล พยาบาลก็ล้างแผลเสร็จแล้ว กำลังจะปิดผ้าก็อซปิดแผล ทางพยาบาลก็บอกว่าแผลไม่ลึกแต่ควรจะพาไป รพ. เพื่อฉีดป้องกันบาดทะยัก พอทำแผลเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ล้างรองเท้าที่เลอะเลือดอยู่ ก็เลยเอารองเท้าไปล้างที่ห้องน้ำใกล้ๆ เดินกลับมาอีกที ผมก็บอกภรรยาว่ารีบไป รพ. กันเถอะ ภรรยาก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ให้รอก่อน เพราะมีค่าใช้จ่าย ผมก็งงเลยว่ามีค่าใช้จ่ายอะไร มาทำแผลมีค่าใช้จ่ายด้วยเหรอ พอเจ้าหน้าที่ปริ้นกระดาษเสร็จก็เอามายื่น บอกว่ามีค่าทำแผล 100 บาท

ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ผมโกรธมาก เลยต่อว่าไปว่า ผมมาใช้บริการของการท่าอากาศยาน ลูกชายผมประสบเหตุก็เพราะความสะเพร่าของการท่าฯ ที่มีตะปูอยู่บนทางม้าลาย ผมต้องจ่ายเงินค่าทำแผลด้วยเหรอ ทางพยาบาลก็แจ้งว่าปกติก็ไม่เก็บ แต่เพิ่งเปลี่ยนนโยบายให้เก็บตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา แล้วทางพยาบาลก็ขอโทษผม ที่ไม่ได้บอกก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายก่อนที่จะทำแผล เพราะถ้าทราบก่อนก็คงไม่เดินจากลานจอดรถ มาที่ห้องพยาบาลหรอก เพราะยังไงผมก็ต้องพาลูกชายไป รพ.อยู่ดี จึงอยากทราบว่านโยบายของการท่าอากาศยานเชียงใหม่ คืออะไรครับ ต่อให้เกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ คุณก็จะคิดค่าใช้จ่ายเหรอครับ ภาษีสนามบินที่คุณเก็บทุกๆครั้งเนี่ย ไม่ครอบคลุมถึงความปลอดภัยของคนมาใช้บริการของการท่าฯ เหรอครับ แล้วการท่า คิดจะรับผิดชอบอะไรบ้างไหมครับ

อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ใช้บริการสนามบินต่างๆ ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ สรุปคือ ผมก็พาลูกไป รพ. และหมอก็แนะนำให้ผ่าแผลที่ปิดให้กว้างขึ้น เพราะแผลที่โดนตะปูจะปิดเร็วแต่จะมีโพรงอยู่ข้างในทำให้เกิดหนองได้ ส่วนบาดทะยัก ไม่ต้องฉีดเพราะเด็กได้รับวัคซีนกันบาดทะยักอยู่แล้วครับ ฝากเพื่อนๆ กดแชร์ด้วยครับ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการใช้บริการสาธารณะต่างๆครับ อย่างไรก็ตามภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโลกโซเชียล ปรากฎว่ามีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่างๆ นาๆ อีกทั้งมีการแชร์เรื่องราวนี้ออกไปเป็นจำนวมาก

ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.62) ทางด้าน เรืออากาศโท ธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ชี้แจง เกี่ยวกับการให้บริการทางด้านการแพทย์ของ ทชม.ว่า เดิมงานบริการทางการแพทย์ เป็นเพียงห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น (First Aids) ที่ให้บริการดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้น แก่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ โดย ทชม.จัดจ้างพยาบาลภาย นอกมาประจำ ในช่วงเวลาที่สนามบินเปิดให้บริการ

ต่อมาในปี 2559 เพื่อยกระดับการบริการทางการแพทย์ให้ได้มาตรฐาน สนามบินนานาชาติ ทอท.ได้บรรจุอัตรากำลังบุคลากรด้านการแพทย์ ทั้งแพทย์ และพยาบาล เพื่อส่งไปปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานทุกแห่ง ภายใต้สังกัดของ ทอท. โดยที่ผ่านมาบุคลากรทางการแพทย์ของ ทชม.ได้พัฒนางานบริการทางด้านแพทย์ รวมทั้งได้ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนผู้ที่ปฏิบัติงาน ณ ทชม.มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support, BLS) ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทำการปั๊มหัวใจ (CPR) และการใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ในการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยให้รอดมาแล้วหลายครั้ง

ในปี 2561 ทชม.ได้จัดสรรพื้นที่เป็นคลินิกเเพทย์ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการยกระดับจาก ห้องปฐมพยาบาลมาเป็นคลินิกแพทย์ฯ ที่มีมาตรฐานเช่นเดียวกับท่าอากาศยานชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก หรือเทียบเท่าสถานพยาบาลขนาดเล็กของเอกชนทั่วไป โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์และเวชภัณฑ์ รวมทั้งรถพยาบาลที่สามารถดูแลเบื้องต้นได้อย่างทันท่วงที ก่อนส่งต่อยัง รพ.ต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องมีการเรียกเก็บอัตราค่าภาระการใช้บริการทาง การแพทย์ตามอัตราที่ ทอท.กำหนด ทั้งนี้ได้ เริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 เป็นต้นมา และมีการแจ้ง บริษัทสายการบิน ผู้ประกอบการ หน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติงาน ณ ทชม. รวมทั้งติดประกาศให้ผู้โดยสารรับทราบอย่างชัดเจน

ในส่วนกรณีอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้โดยสาร รวมถึงญาติที่มารับและส่งผู้โดยสาร หากเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของท่าอากาศยาน จะมีบริษัทประกันภัยช่วยดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ผู้ใช้บริการต้องสำรองจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดมาแจ้ง เพื่อเข้าสู่กระบวนการ

ด้านนายวสรุจน์ รุจนพรม นายแพทย์ชำนาญการ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียกเก็บอัตราค่าภาระดังกล่าว มีข้อยกเว้น ซึ่งกำหนดเป็นระเบียบไว้ชัดเจน อาทิ ผู้ที่อยู่ในภาวะวิกฤต มีอันตรายถึงแก่ชีวิต การยืนยันการเสียชีวิตบนอากาศยาน หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากสิ่งอำนวยความสะดวกของ ทชม. ภายหลังจากบริษัทประกันภัยได้พิสูจน์ทราบแล้วว่า เกิดจากสิ่งอำนวยความสะดวกจริง

ร่วมแสดงความคิดเห็น