บิ๊ก กกท. ยืนยัน สอบ ส.บอล ไม่มีเกียร์ว่าง ถ้าผิดมีทั้งหนักและเบา

ออกมายืนยัน บิ๊ก “กกท.”ยืนยันไม่เกียร์ว่างแน่นอน เดินหน้าสอบส.บอล “กกท.” ยืนยันไม่เกียร์ว่าง สอบสวนสมาคมบอล ค่อยๆหาข้อมูล ถ้าผิดจริงมีทั้งโทษเบา ไปถึงหนัก พร้อมให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม ถอดถอน “พิสัณห์” ถูกต้องหรือไม่ ด้าน “บิ๊กเจี๊ยบ” ยังไม่ตัดสินใจ ลงชิงนายกสมัยหน้า

ตามที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำเนินกิจการของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เนื่องจากเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และข้อบังคับของสมาคมฯ นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท.หัวหมาก “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดแถลงข่าวกรณีดังกล่าว

ผู้ว่าการกกท. กล่าวว่า พล.ต.พิสัณห์ ยื่นเรื่องร้องเรียน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.61 กกท.ก็ได้ตรวจสอบข้อมูล และส่งหนังสือให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ  เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ตอบกลับมา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ทั้งนี้ กกท.ได้พิจารณาตามเอกสารต่างๆ และมอบหมายให้ นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศฯ เป็นหัวหน้าทีมพิจารณา

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ข้อสรุปในเบื้องต้นยังไม่ยุติ มีบางประเด็นชัดเจนแล้ว บางประเด็นไม่ชัดเจนคือ เรื่องกระบวนการถอดถอน พล.ต.ท.พิสัณห์ ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่ง กกท.จะทำเรื่องขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยื่นเอกสารเพิ่มเติมว่า กระบวนการถอดถอนถูกต้องตามข้อบังคับที่จะต้องแจ้งเรื่องเชิญสภากรรมการสมาคมล่วงหน้า 7 วัน รวมทั้งการประชุม และการขอมติถอดถอนมีความถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และข้อบังคับสมาคมหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้ว การถอดถอนนั้นไม่ชอบ ตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ยังเป็นของ พล.ต.ท.พิสัณห์ รวมทั้งให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชี้แจงประเด็นใหม่ที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ ยื่นเรื่องร้องเรียนรอบสอบเข้ามาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.62 ด้วย ส่วนประเด็นร้องเรียนที่เกี่ยวกับเรื่องภาษี และการจ้างงานนั้น เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของผู้จ้าง และผู้ถูกจ้าง รวมทั้งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ

ดร.ก้องศักด กล่าวต่อว่า ในกรณีที่พบว่า มีการกระทำที่มีความเสื่อมเสียต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กกท.ก็จะมีอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ที่จะดำเนินการกับสมาคมได้ตั้งแต่โทษเบาไปจนโทษหนัก ทั้งการตักเตือนให้แก้ไขให้ถูกต้อง การระงับการทำหน้าที่ปฏิบัติการชั่วคราว จนกระทั่งการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารสมาคม ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งตรงนั้นยังต้องไปอีกไกลมาก ยืนยันว่ายังไม่ได้ชี้ว่ามีใครกระทำผิด และแม้ว่าจะชี้ไปแล้วว่ามีการกระทำผิดข้อบังคับต่างๆ ก็จะต้องมาพิจารณาถึงโทษกันอีกชั้นหนึ่ง

ด้าน พล.ต.ท.พิสัณห์ กล่าวว่า หลังจากได้มาฟังการชี้แจงการดำเนินการของ กกท.ก็รู้สึกพอใจ ตรงกับที่ตัวเองต้องการจะทราบ หลังจากนี้ก็ให้ กกท.นำข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่ายไปเปรียบเทียบ และตัดสิน ถ้าการตัดสินออกมาเป็นทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกต้อง ตัวเองก็พร้อมยอมรับการตัดสิน แต่ถ้าตัดสินให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ผิด ตัวเองก็พร้อมทำหน้าที่เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อไป ส่วนจะลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยหน้าหรือไม่นั้น ขอคิดอีกทีว่าจะตัดสินใจอย่างไร

ร่วมแสดงความคิดเห็น