(มีคลิป) เปิดใจ หนุ่มเจ้าของร้านเครื่องสำอางใหญ่เมืองเชียงใหม่ โพสต์เรื่องราวโดน พนง.บัญชีร้านปลอมเช็คโกงเงิน แต่ธนาคารไม่ตรวจสอบ สูญเงิน 8 ล้าน

(มีคลิป) เปิดใจ หนุ่มเจ้าของร้านเครื่องสำอางใหญ่เมืองเชียงใหม่ โพสต์เรื่องราวโดน พนง.บัญชีร้านปลอมเช็คโกงเงินแต่ธนาคารไม่ตรวจสอบ สูญเงิน 8 ล้าน ผ่านไปกว่า 3 เดือนยังเพิกเฉย

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะที่นี้ได้มีสมาชิกผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งชื่อว่า “อามิตร จาวลา” ได้มีการโพสต์ภาพและเรื่องราว กรณีที่ตนได้ถูกพนักงานบัญชีภายในร้านปลอมเช็ค และสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท แต่ 4 ธนาคารยักษ์ใหญ่กลับไม่เอะใจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าตัวได้ทราบเรื่องครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.ย.61 และที่ผ่านมาทางเจ้าตัวได้มีการติดตามเรื่องกับธนาคารทั้ง 4 แห่งอย่างต่อเนื่อง แต่กลับถูกเพิกเฉย ไม่เคยมีใครอัพเดตข้อมูลอะไรเลยจนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ จนทางเจ้าตัวได้ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นลงในโลกโซเชียลเพื่อเป็นอุทาหรณ์และแจ้งเตือนผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ด้วย และเมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปแล้วนั้นพบว่ามีการแชร์ข้อมูลไปแล้วกว่า 6,000 ครั้ง อีกทั้งมีผู้ทราบเรื่องราวเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นใหญ่อยู่ในตอนนี้ ตามที่ปรากฎบนโลกโซเชียลไปแล้วนั้น

ภายหลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ททางด้านผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ จนกระทั่งทราบชื่อคือ นายอามิตร จาวลา อายุประมาณ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านขายผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยทางเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า จากกรรีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้สืบเนืองมาจากตนประกอบธุรกิจและได้มีการออกเช็คสั่งจ่ายไปให้ทางผู้ค้า เพื่อทำการชำระค่าบริการสินค้าที่นำมาจำหน่ายภายในร้าน โดยจะมีเช็ครับจากทางผู้ค้าเช่นกันกรณีที่ชำระเงินมาให้ โดยยกตัวอย่างกรณีหนึ่งในเช็คที่ถูกโกงซึ่งได้มีการสั่งจ่ายให้กับทางบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล โดยทางตนได้มีการเซ็นสั่งจ่ายปกติ และใส้ยอดเงินตามที่เอกสารได้วางบิลมา ซึ่งปกติทางตนจะส่งเช็คไปที่บริษัทนั้นๆ และนำไปทำการขึ้นเช็คที่ กทม. แต่ในการเขียนเช็คของตนในรอบ 1 เดือนนั้นมีจำนวนมาก และมีเช็คจำนวนหนึ่งที่ไปไม่ถึงผู้ค้าแต่มีการตัดบัญชีของตน และเมื่อตนทำการตรวจสอบบัญชีก็มีการบันทึกบัญชีที่ได้มีการสั่งจ่ายไปซึ่งก็พบว่ามีการตัดเงินในบัญชีออกไปอย่างเป็นระบบ

จนกระทั่งวันที่ 28 ก.ย.61 อดีตพนักงานของตนไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ 20 ต้นๆ และวันที่ 28 ก.ย.61 ทางคู่ค้าของตนก็ได้มีการโทรทวงถามมายังตนว่าทำไม่ถึงไม่มีการชำระค่าสินค้า โดยตนก็แปลกใจและได้กลับไปดูเอกสารที่มีการตรวจสอบ และได้เข้าไปดูเอกสารเช็คที่ได้มีการถ่ายเอกสารที่แนบไว้กับเอกสารการจ่าย และพบว่ามีสำเนาเช็คดังกล่าว จึงได้มีการถ่ายภาพหลักฐานส่งไปให้กับทางคู่ค้า แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่ได้รับเงิน ตนจึงกลับมาตรวจสอบสเต็จเม้นก้พบว่ามีการตัดยอดเงินออกไปแล้ว ตนจึงเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้ตนต้องเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อขอตรวจสอบสำเนาเช็ค โดยใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน จึงทำให้ทราบว่าเช็คดังกล่าวมีการขีดฆ่าชื่อ จากนิติบุคคล ไปเป็นบุคคลธรรมดา ขีดฆ่าวันที่ และมีการปลอมแปลงลายเซ็นของตนด้วย โดยในการแก้ไข ขีดฆ่าชื่อภายในเช็คนั้นทางธนาคารควรที่จะเอะใจ หรือมีการตรวจสอบแล้ว แต่กลับไม่มีการแจ้งคอนเฟิร์มกลับกับทางตนแต่อย่างใด อีกทั้งยังปล่อยเช็คผ่านเข้าสู่บัญชี จนกระทั่งเงินสูญหายไป

ต่อมาภายหลังจากที่ตนทราบว่าถูกโกงเช็ค ก็ได้มีการติดตามอย่างเรื่องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตอนแรกมั่นใจมากว่าทางธนาคารจะต้องออกมารับผิดชอบ และดูแลกรณีที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ แต่ผ่านไปกลับกลายเป็นว่าตนต้องมาวิ่งเต้นเรื่อง ต้องไปสอบถามทางธนาคารและที่ผ่านมาก็ถูกเพิกเฉยจนกระทั่งผ่านมา 3 เดือนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆ ตนจึงออกมาโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโซเชียล และขอความช่วยเหลือจากทางสื่อ รวมไปถึงเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนไปยังผู้ประกอบการอื่นๆ รวมไปถึงประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวในลักษณะเดียวกันกับตนขึ้นอีก

ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการกับทาง หญิงสาวอดีตพนักงานบัญชีคนดังกล่าวนั้น เบื้องต้นทราบว่ามีการดำเนินคดีมาทั้งหมด 7 คดีแล้ว แต่ทางเจ้าตัวก็สามารถประกันตัวออกมาได้ทั้ง 7 ครั้ง แต่ก้ไม่เคยคิดที่จะคืนเงินให้กับทางตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งที่ผ่านมายังได้มีการพูดคุยกับทางคู่กรณีต่อหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อเรียกร้องให้มีการคืนเงินแต่กลับถูกบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆ ที่ตนสูญเงินจากเหตุการณ์นี้เป็นเช็คทั้งสิ้น 69 ใบ 4 ธนาคาร คิดเป็นเงินมูลค่า 8 ล้านบาท แต่ที่เป็นนประเด็นใหญ่คือทางด้านธนาคารเมื่อมีข้อพิรุท หรือพบว่ามีการทุจริตน่าจะแจ้งเรื่องให้ตนทราบตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่าย และมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ตั้งแต่แรก

ร่วมแสดงความคิดเห็น