สิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-3 (ภาคเหนือ) พร้อมด้วยทุกภาคส่วนใน จ.เชียงใหม่ ร่วมบูรณาการเพื่อเตรียมพร้อม รับมือปัญหาหมอกควันและไฟป่า

สิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-3 (ภาคเหนือ) พร้อมด้วยทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมบูรณาการ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือปัญหาหมอกควันและไฟป่า เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจในมาตร การและช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาด ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง

เมื่อวันที่ 24 มกราคม เวลา 15.00 น. สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-3 (ภาคเหนือ) จัดแถลงข่าวเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2562 “อาสาด้วยใจ ลดภัยหมอกควัน” ที่ สวนหลวงล้านนา ร.9 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายสมชาย ทรงประกอบ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่จะเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนตระ หนักในผลกระทบต่อสุขภาพ จากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 และ PM2.5 รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในมาตรการและประกาศห้วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาดของจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-3 (ภาคเหนือ) จึงจัดทำรายงานแจ้งเตือนและคาดการณ์สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ประจำปี 2562 เป็นรูปแบบการรายงานรายวันทั้งข้อมูลฝุ่นละออง PM2.5 และข้อมูลฝุ่นละออง PM10 โดยเผยแพร่ผ่านแฟนเพจ Facebook “อากาศบ้านเฮา” เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างทันต่อเหตุการณ์และมีแนวทางในการป้องกันตนเอง เมื่อสถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายและมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าภาคเหนือ ประจำปี 2562 ที่ยึดแนวทางการดำเนินงาน ภายใต้กลไกของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ภายใต้แนวทาง “4 มาตรการเชิงพื้นที่ 4 มาตรการบริหารจัดการ” ประกอบด้วย 4 พื้นที่หลัก ได้แก่ 1. พื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ 2. พื้นที่เกษตรกรรม 3. พื้นที่ชุมชนและเขตเมือง และ 4. พื้นที่ริมทาง ในส่วนของ 4 มาตร การบริหารจัดการ ได้แก่ 1. ระบบบัญชาการเหตุการณ์ 2. มาตรการสร้างความตระหนัก 3. มาตรการลดปริมาณเชื้อเพลิง และ 4. มาตรการจิตอาสาประชารัฐ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในระดับพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้อำนวยการสั่งการหลักตามระบบ Single Command

สำหรับ การกำหนดห้วงเวลาห้ามเผาให้จังหวัด ใช้ข้อมูลทางสถิติย้อนหลังประกอบการพิจารณา กำหนดห้วงเวลาห้ามเผาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพปัญหาในพื้นที่ พร้อมกันนี้จังหวัดต้องกำหนดมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ในช่วงก่อนและหลังกำหนดวันห้ามเผาที่กำหนด ซึ่งในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดห้วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาดระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 ภายใต้ชื่อ “61 วันไม่เผา ชาวเชียงใหม่ร่วมแรงร่วมใจ ต้านภัยหมอกควันและไฟป่า เพื่อสุขภาพที่ดี เศรษฐกิจที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี” โดยอาจกำหนดเป็นแนวทางการจัดระเบียบการเผา การเหลื่อมเวลาการเผา การเผาแบบควบคุม และการจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ และเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการเข้าเผชิญเหตุและดับไฟ จึงเน้นให้ตรึงกำลังเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการเผาในทุกพื้นที่เสี่ยง และดำเนินมาตรการเพื่อเปลี่ยนกลุ่มคนจุดไฟเผาป่า ให้เป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังและดับไฟ

ในส่วนของการรณรงค์สร้างจิตสำนึก มุ่งเน้นรณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง ต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งรูปแบบการสื่อสาร ภาษาที่ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายของภาษาและกลุ่มชาติพันธุ์ รวมไปถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตามสถานการณ์ ทั้งเทคโนโลยีดาวเทียมและระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการกำหนดแผนเผชิญเหตุและดับไฟให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างยั่งยืน โดยเน้นการสร้างความร่วมมือและประสานประเทศเพื่อนบ้าน ให้ลดการเผาและหมอกควัน ทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนผ่านการผลักดัน การดำเนินงานตาม Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation เพื่อเปลี่ยนให้ภูมิภาคอาเซียน เป็นภูมิภาคปลอดหมอกควันข้ามแดน ภายในปี 2563 ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น