นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ชมละครเรื่อง “มะเมียะ” The Musical I

ดร.กษมา ประสงค์เจริญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ พร้อมคณะผู้บริหารของวิทยาลัยฯ นักเรียน – นักศึกษาของวิทยาลัยฯ ชมละครเรื่อง “มะเมียะ” The Musical I ณ โรงละครกาดสวนแก้วเธียรเตอร์ วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒

เรื่องราวตำนานครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๕ – ๒๕๐๕ ในขณะที่ ร้อยตรี เจ้าอุตรการโกศล (สุขเกษม ณ เชียงใหม่) หรือ เจ้าน้อยศุขเกษม ราชโอรสองค์โตในเจ้าแก้วนวรัฐ กับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี แห่งนครเชียงใหม่ เมื่อครั้งอายุได้ ๑๕ ปี ได้ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์แพทริค ในเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า เมื่อครั้งเจ้านายน้อยมีอายุได้ ๑๙ ปี ก็ได้ออกเดินเที่ยวในตลาดและสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เจ้านายน้อย ได้เจอกับ มะเมียะ หญิงสาวชาวพม่า ซึ่งเป็นแม่ค้าขายบุหรี่สาวน้อยวัยเพียง ๑๕ และเมื่อได้เจอกันทั้งคู่ก็เหมือนรักแรกพบตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และคบกันมาจนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา โดยทั้งสองได้สาบานต่อกัน ณ ลานหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่นว่า จะรักกันตลอดไปและจะไม่ทอดทิ้งกันและกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น

เมื่อเจ้านายน้อยอายุได้ 20 ปี เป็นเวลาที่ต้องกลับนครเชียงใหม่ จึงแอบพามะเมียะกลับมาด้วย และเมื่อทั้งคู่กลับมา นครเชียงใหม่ เจ้านายน้อย จึงได้รู้ว่าตนได้ถูกหมั้นหมายกับหญิงอื่นไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อรู้เช่นนั้นเจ้านายน้อยจึงได้เล่าเรื่องมะเมียะ ให้กับพระบิดา และพระมารดาฟัง แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ เพราะช่วงนั้นพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ที่กำลังมีคดีความกับสยามอยู่ มะเมียะจึงได้ถูกส่งตัวกลับพม่าทันที

เมื่อถึงวันที่มะเมียะต้องเดินทางกลับ ดูบรรยากาศเหมือนกับว่าเป็นการจากลากันชั่วนิรันดร์ เจ้านายน้อย พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ มะเมียะก็ร่ำไห้โศรกเศร้าด้วยความอัดอั้นตันใจในอ้อมแขนที่ยากจะแยกกันได้ เจ้านายน้อย ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า และเช็ดเท้าให้นายน้อยผู้ซึ่งเป็นสามี ด้วยความอาลัยก่อนที่นางจะลุกขึ้นหันหลังกลับประเทศไป

วันเวลาผ่านไป มะเมียะ ได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้านายน้อยผู้ซึ่งเป็นสามี ซึ่งเชื่อมั่นในคำสัญญา แต่เวลาผ่านไปนานเข้า ๆ ก็ไร้วี่แววใด ๆ ไม่มีแม้สัญญาณเพียงเล็กน้อยให้ มะเมียะได้ชื่นใจ นางจึงตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังคงซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้านายน้อยจากนครเชียงใหม่ผู้ซึ่งเป็นสามี

ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เจ้านายน้อย ได้แต่งงานกับ เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ หญิงสูงศักดิ์ เมื่อทราบข่าวแม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่ และขอเข้าพบเจ้านายน้อย เป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ้านายน้อยไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อแม่ชีมะเมียะได้ จึงเลือกที่จะไม่ลงไปหาแม่ชีมะเมียะตามคำขอ เพียงแต่มอบหมายให้พี่เลี้ยงคนสนิทนำถุงเงินไปให้ ๑ กำปั่น ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อเป็นเงินในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนของเจ้านายน้อยให้แก่แม่ชีมะเมียะเก็บไว้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความสะเทือนใจให้กับทั้งคู่อย่างหาที่สุดไม่ได้ เจ้านายน้อยที่ต้องทำตามกฎบ้านกฎเมือง ไม่สามารถอยู่คู่ครองเรือนกับชาวพม่าได้ เพราะอาจจะทำให้บ้านเมืองต้องมีปัญหาหากสยามรู้เข้า เจ้านายน้อยคิดเพียงต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนหมู่มาก มิใช่เพียงความสุขส่วนตนแม้ว่าจะเจ็บปวดเพียงใดก็ต้องอดทน ผ่านไปไม่นานเจ้นายน้อยกินเหล้าอย่างหนัก บ่นถึงแต่เรื่องที่ไปอยู่พม่าที่ได้อยู่ฉันสามีภรรยากับมะเมียะ เจ้านายน้อยไม่เคยลืมเลย จนวันๆกินแต่เหล้าไม่กินข้าวกินอาหารและตรอมใจสิ้นชีพิตักษัยในไม่กี่ปีต่อมานับจากวันที่ตัดขาดกับแม่ชีมะเมียะด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง ส่วนทางด้านแม่ชีมะเมียะ ได้ครองบวชเป็นแม่ชี จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.๒๕๐๕ รวมอายุได้ ๗๕ ปี

ร่วมแสดงความคิดเห็น