เผากระดาษเงิน-ทอง สุมควันมลพิษ ก่อสารเสี่ยงมะเร็ง

ผู้สื่อข่าวสอบถาม กรรมการผู้ดูแลศาลเจ้า, โรงเจหลายๆแห่งในเชียงใหม่ ยืนยันว่า ท้องถิ่น ตลอดจนหลายภาคส่วนที่ห่วงใยปัญหาการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เนื่องในเทศกาลตรุษจีนนั้น ไม่ได้ห้ามแต่ขอความร่วมมือมากกว่า ทั้งนี้วัฒนธรรมดังกล่าวสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นการจะไปห้าม คนรุ่นเก่า ๆ อาม่า อากง คงเป็นเรื่องยาก ยกเว้นเด็กรุ่นใหม่ ๆ จะเข้าใจปัญหา ควัน ในช่วงนี้ที่มีกระแส หมอกควันมลพิษ พีเอ็ม 2.5 กัน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ความเชื่อรูปแบบการสืบทอดวัฒนธรรมการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง จะลดน้อยลง ปรับเปลี่ยนเป็นการเผาสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ มีทั้ง สมาร์ทโฟน, รถยนต์, ไอแพด, เครื่องบินสารพัดอย่างทำจากกระดาษเคลือบเงินสีสันสวยงาม มันวาว ยิ่งเพิ่มสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนกลุ่มคนจีนที่มาท่องเที่ยวเชียงใหม่จะมีประปราย เน้นจุดธุปไหว้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม งานอนามัยและสิ่งแวดล้อม ในท้องถิ่นเชียงใหม่ ออกประกาศเตือนว่าการเผาไหม้กระดาษเงิน กระดาษทอง ก่อสารโลหะหนักไม่ต่างจากควันธูป จะมีสารหลัก ๆ คือ โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว และแมงกานีส การเผากระดาษเงิน กระดาษทองจำนวนมาก จะทำให้เกิดไอระเหยของสารตะกั่วในสีเคลือบกระดาษฟุ้งกระจาย เมื่อสูดหายใจเข้าไปจะทำให้ระดับตะกั่วในเลือดสูงขึ้น หากสะสมในร่างกายจะเกิดโรคโลหิตจาง เวียนศีรษะ ชักกระตุก หมดสติ ไตทำงานผิดปกติถึงขั้นไตวายได้ เด็ก ๆ จะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสมองสตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันเหล่านี้

ปัจจุบันกระดาษเงิน กระดาษทองมี ชนิดฉาบด้วยตะกั่ว ชนิดทาสีคล้ายตะกั่ว และชนิดพิมพ์ระบบออฟเซ็ต โดยชนิดที่ฉาบด้วยตะกั่วนิยมมากที่สุด ซึ่งมีปริมาณตะกั่วประมาณ 20.8-85.6 มิลลิกรัมต่อแผ่นผู้ที่เผาควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัส เผาในภาชนะมิดชิด สวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกขณะเผา โดยเผาในที่โล่งแจ้งและยืนอยู่เหนือลม

ร่วมแสดงความคิดเห็น